การเลือก Retinol และ วิธีรับมือกับความระคายเคือง หลังใช้ The Benefits of Retinol in Skincare: A Comprehensive Guide by SUPA-KUNN Clinic
บทความโดย :
พญ.จุฑามาศอุดมพิทักษ์ (คุณหมอส้ม)
แพทยศาสตร์บัณฑิตเกียรตินิยม, ปริญญาโทตจวิทยา (ผิวหนัง)
Clinical Dermatology Observership,Kagoshima Hospital University,Japan.
หากจะพูดถึงส่วนประกอบของ skincare ที่กำลังเป็นที่พูดถึงในขณะนี้ คงหนีไม่พ้น ingredients: RETINOL.
วันนี้ หมอจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับข้อดี และ วิธีการใช้กลุ่ม เรตินอล อย่างปลอดภัย ลดการระคายเคือง และ วิธีรับมือเมื่อเกิดความระคายเคืองจากการใช้ เรตินอล
The Benefits of Retinol in Skincare
ข้อดีของ เรตินอล
Retinol, เป็น อนุพันธ์ของวิตามินเอ มีคุณสมบัติช่วยในเรื่องของผิว ความเรียบเนียน และ ชะลอริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. Anti-Aging ชะลอวัย :
Retinol ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดริ้วรอยเล็กๆ เช่น รอยพับตื้นๆบนผิว ตีนกา
รวมไปถึงช่วยให้กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวใหม่
2. Improves Skin Texture ปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนมากขึ้น :
Retinol ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว ให้เกิดผิวใหม่ และ เรียบเนียน
3. Fades Hyperpigmentation ช่วยให้เม็ดสีจางลง :
Retinol ช่วยรักษาปัญหาฝ้า จุดด่างดำ ให้ดูจางลง รวมถึง ทำให้สีผิวดูสม่ำเสมอขึ้น
4. Acne Treatment ช่วยรักษาสิว :
ช่วยลดการอุดตัน และ ลดความมันบนหน้า อันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว
5. Enhances Radiance ปรับผิวให้สว่าง เรียบเนียนและสุขภาพดี :
ช่วยให้ผิวดูโกลว์ ฉ่ำวาว และดูสุขภาพดี เมื่อใช้ต่อเนื่อง
![](https://supakunnclinic.com/wp-content/uploads/2024/08/13-TheRightRetinol-1024x1024.jpg)
Choosing the Right Retinol Product
วิธีการเลือก Retinol ให้เหมาะกับเรา
Retinol มีหลากหลายความเข้มข้น และ หลายรูปแบบ เพื่อเลือก Retinol ที่เหมาะกับผิวของเรา จึงควรเลือกจาก check list ดังต่อไปนี้
1. Formulation สูตรของตัวยา : ควรเลือกฟอร์มที่มีความเสถียร ( stable formulation ).
เพราะ Retinol เป็นตัวยาที่มีความไวต่ออากาศและแสง ดังนั้น ควรเลือกฟอร์มยาที่เสถียร และ แพคเกจบรรจุภัณฑ์ควรอยู่ในสูญญากาศ ทึบแสง และ ปิดมิดชิดไม่ให้อากาศหรือแสงเล็ดรอด
2. Concentration ความเข้มขน : ผู้ที่เริ่มต้นใช้ Retinol ควรเริ่มจากความเข้มข้นขนาดต่ำก่อน (0.25% to 0.5%) เพื่อลดความระคายเคือง และ ค่อยๆปรับความเข้มข้นให้สูงขั้นตามประสบการณ์การใช้ ความแข็งแรงและสภาพปัญหาผิว
3. Skin Type สภาพผิว : หากคุณเป็นคนผิวแห้ง หรือ แพ้ระคายเคืองง่าย อย่าลืมเน้นการปลอบประโลมผิว เพื่อลดอาการระคายเคืองหลังจากการใช้ยาหรือ skincare ที่มีส่วนประกอบของ retinol เช่น hyaluronic acid, niacinamide, ceramides จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและลดอาการข้างเคียงจากการใช้ retinol ในช่วงแรกได้
4. Brand Reputation มาตรฐานของแบรนด์ : เลือกดู Retinol ที่มีคุณภาพ น่าเชื่อถือ ตรวจสอบที่มาได้
![](https://supakunnclinic.com/wp-content/uploads/2024/08/11-HowtoRetinol-1024x1024.jpg)
How to Start Using Retinol and Prevent Side Effects
วิธีการใช้ Retinol และ การลดอาการข้างเคียงจากการใช้กลุ่ม ผลัดเซลล์ผิว
1. Start Slowly เริ่มยาช้าแต่ชัวร์ :
เริ่มยาช้าๆ โดยเริ่มใช้จาก 1-2 ครั้ง/สัปดาห์ เพื่อให้ผิวปรับตัว ช่วงแรกอาจมีอาการแสบ ยิบได้ สามารถเน้นทาบำรุง ชุ่มชื้นเยอะๆ และ เมื่อผิวเริ่มปรับตัวได้จะมีอาการแสบ แห้งลอก ลดลง
และ ค่อยๆเพิ่มความถี่เป็น 2-3 ครั้ง/สัปดาห์
หลังจากนั้น เป็น วันเว้นวัน
และ เมื่อผิวแข็งแรงขึ้น ไม่มีอาการแห้ง แสบ สามารถทาทุกวันได้
2. Night-Time Application ทาเฉพาะเวลาก่อนนอน:
Retinol ส่วนใหญ่ จะมีความไวต่อแสง แนะนำให้ทาก่อนเวลาเข้านอน
3. Pea-Sized Amount ทาปริมาณเท่าเม็ดถั่วเขียว :
เริ่มทายาในปริมาณพอเหมาะ ประมาณเม็ดถั่ว้ขียว บางๆ กระจายทั่วหน้า
ระวังอย่าให้ทาหนามากเกินไป และ เลี่ยงบริเวณที่ผิวบาง เช่น ร่องจมูก รอบปาก และ รอบดวงตา
4. Moisturize เน้นการบำรุง :
บำรุงให้เหมาะสม ช่วยลดอาการแห้ง แสบ ระคายเคืองได้อย่างดี.
5. Sunscreen ทาครีมกันแดดอย่างเหมาะสม :
ปกป้องผิวจากแสงแดด ลดความหมองคล้ำและช่วยให้ผิวเรียบเนียน สีผิวสม่ำเสมอ
6. Patience is Key ทายาอย่างมีวินัยและอดทนรอผล:
การทายา และ skincare คือการลงทุนกับผิว ควรทำอย่างต่อเนื่องและมีวินัย ให้เห็นผลยั่งยืน
![](https://supakunnclinic.com/wp-content/uploads/2024/08/12-Treat-Retinol-1-1024x1024.jpg)
How to Treat Irritation from Peeling Products/Retinol
หากเกิดอาการระคายเคือง แห้งแสบลอก ควรทำอย่างไร
หากว่าคุณมีอาการระคายเคือง ให้ดูแลดังนี้
1. Reduce Frequency ลดความถี่ของการทายา :
ให้ผิวได้พัก ลดความถี่ในการทายาลง
2. Hydrate บำรุงให้หนักขึ้น :
เลือกผลิตภัณฑ์บำรุงที่อ่อนโยน ไม่ระคายเคือง และ เน้นปลอบประโลมผิว เช่น CICA, Aloe, Niacinamide
3. Avoid Harsh Products ระวังผลิตภัณฑ์ที่เร่งการผลัดเซลล์ผิว :
เลี่ยงกลุ่มที่เร่งการผลัดเซลล์ผิวหรืออาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น AHAs, BHAs, vitamin C หรือ skincare ที่มีส่วนประกอบของ Alcohol จนกว่าผิวจะสงบ ไม่แสบ แห้ง
4. Use a Barrier Cream ใช้ครีมบำรุงที่ช่วยเสริมปราการผิว :
เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบช่วยเสริมปราการผิว เช่น Ceramide จะช่วยให้ผิวแข็งแรง และ ลดอาการแห้ง ระคายเคืองได้อย่างดี
5. Consult Your Dermatologist ปรึกษาคุณหมอผิวหนัง : หากอาการระคายเคืองหายช้า หรือ มีจุดที่กังวล แนะนำปรึกษาคุณหมอผิวหนังที่เชี่ยวชาญเพื่อให้การรักษาที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณโดยเฉพาะ
![](https://supakunnclinic.com/wp-content/uploads/2024/08/วิธีทา-EpiduoADCAPB-1024x1024.png)
Recommended Facial Treatment for Sensitive Skin
แนะนำทรีตเมนต์ ยอดนิยม ของสุภากาญจน์คลินิก ที่เหมาะกับ ผิวบอบบางแพ้ง่าย
SUPA-KUNN’s Sensitive Hydro Facial Treatment with Calming Enhancer.
![](https://supakunnclinic.com/wp-content/uploads/2024/08/02-SENSITIVE-HYDRO-FACIAL-TREATMENT-01-1024x1024.jpg)
![](https://supakunnclinic.com/wp-content/uploads/2024/08/02-SENSITIVE-HYDRO-FACIAL-TREATMENT-02-1024x1024.jpg)
SUPA-KUNN’s Sensitive Hydro Facial Treatment with Calming Enhancer.
![](https://supakunnclinic.com/wp-content/uploads/2024/08/01-Dermalogica-01-1024x683.jpg)
![](https://supakunnclinic.com/wp-content/uploads/2024/08/01-Dermalogica-02-1024x1024.jpg)
![](https://supakunnclinic.com/wp-content/uploads/2024/08/3-3-1024x1024.jpg)
กดดูข้อมูลเพิ่มเติม ที่นี่ :
( https://supakunnclinic.com/services/#service-6 )