FAQ ปัญหาผิวหนัง สิว ฝ้า ผื่นแพ้
ในการตรวจโรคทางผิวหนัง มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณเท่าไร
โดยทั่วไปแนะนำว่า คนไข้สามารถแวะเข้ามาปรึกษาสภาพปัญหาผิวก่อนได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการปรึกษาค่ะ คุณหมอจะตรวจประเมิน
สภาพผิว ให้คำแนะนำแนวทางในรักษา และ ร่วมกันตัดสินใจพร้อมกับคนไข้ในการวางแผนการรักษาตามสภาพปัญหาผิว งบประมาณ และ
ความสะดวกของคนไข้ค่ะ หรือหากสงสัย ต้องการสอบถามรายละเอียดค่ารักษา สามารถติดต่อสอบถามทางไลน์คลินิกได้เลยค่ะ
ฝ้า มีแนวทางการรักษาอย่างไรบ้าง
ที่สุภากาญจน์คลินิก เราเน้นให้การรักษาตามสาเหตุของการเกิดปัญหาค่ะ ซึ่งคุณหมอจะประเมินตามสภาพปัญหาผิว และให้คำแนะนำรายบุคคล เราเน้นการรักษาที่สาเหตุตามปัญหาจริงๆ ซึ่งแนวทางการรักษาฝ้า ขึ้นกับสาเหตุ ชนิดของฝ้า และ สภาพผิวของคนไข้ค่ะ แนวทางการรักษาฝ้า มีมากมาย เช่น ยากิน, ยาทา, เมโสลดฝ้า, เลเซอร์รักษาฝ้า ซึ่งเครื่องเลเซอร์ที่สุภากาญจน์คลินิก เป็นเครื่องมาตรฐานอเมริกา ซึ่งมีงานวิจัยรองรับมาตรฐานโลกมากมายว่าสามารถลดเม็ดสีได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ ในการรักษาฝ้า นั้น ไม่ใช่ว่าจำเป็นต้องทำเลเซอร์อย่างเดียวเท่านั้น แต่เราควรรักษาที่กลไกการเกิดฝ้าโดยตรงค่ะ ซึ่งคุณหมอจะวิเคราะห์และให้คำแนะนำในการรักษาตามความเหมาะสมค่ะ
หากสงสัย ต้องการสอบถามรายละเอียดค่ารักษา สามารถติดต่อสอบถามทางไลน์คลินิกได้เลยค่ะ
ทำไม สุภากาญจน์คลินิก จึงมีชื่อเสียงในการรักษาสิว ฝ้า
ที่สุภากาญจน์คลินิก เราเน้นให้การรักษาตามสาเหตุของการเกิดปัญหาค่ะ ซึ่งคุณหมอจะประเมินตามสภาพปัญหาผิว และให้คำแนะนำรายบุคคล เราเน้นการรักษาที่สาเหตุตามปัญหาจริงๆ ไม่มีคอร์ส ไม่มีการบังคับให้ใช้แต่ผลิตภัณฑ์ของเราเท่านั้น คนไข้สามารถเลือกได้ตาม
ความเหมาะสมและความกังวลค่ะ ซึ่งโดยทั่วไปคนไข้ส่วนใหญ่เห็นผลลัพธ์การรักษาที่ดี ผิวแข็งแรงขึ้นและอาการดีขึ้น สามารถใช้ชีวิต
ประจำวันและใช้ผลิตภัณฑ์ที่เคยใช้แล้วไม่เกิดปัญหาผิวได้ตามปกติค่ะ
ถ้าทำเลเซอร์ แล้วหน้าจะบางไหม
โดยปกติแล้ว เลเซอร์ที่สุภากาญจน์คลินิก เป็นเครื่องเลเซอร์มาตรฐานอเมริกา ซึ่งได้รับการรับรองสูงสุดระดับนานาชาติ และ มีงานวิจัยรองรับมากมายค่ะ การทำเลเซอร์ ไม่ได้ทำให้หน้าบางลงแน่นอนค่ะ โดยเฉพาะถ้าเป็นเครื่องที่ได้มาตรฐาน และดูแลอย่างเหมาะสมโดยแพทย์ผู้ชำนาญการ การทำเลเซอร์จะช่วยรักษาปัญหาผิวและช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นอีกด้วยค่ะ และ เราสามาถ ดูแล
ผิวได้ตามปกติค่ะ ถึงทำหรือไม่ทำเลเซอร์ ก็ควรทาครีมบำรุงผิวที่เหมาะกับปัญหาผิว
FAQ Botox คำถามที่พบบ่อย ในการฉีดโบทูลินั่ม ท็อกซิน(Botox)
ควรเตรียมตัวอย่างไร ก่อนฉีดโบท็อกซ์
1. ควรงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนการฉีด
2. ไม่ได้อยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร และ ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรง เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
3. เพื่อป้องการอาการฟกช้ำ ควรหยุดการใช้ยาแก้ปวด ยาแอสไพริน ยากลุ่มต้านการอักเสบ NSAIDS ได้แก่ Ibruprofen, Naproxen อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการฉีด
4. งดวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส อย่างน้อย 2 สัปดาห์
5. หากมีประวัติการติดเชื้อ กลุ่มงูสวัด (Herpes Infection) กรุณาแจ้งแพทย์
โบท็อกซ์ อยู่ได้นานเท่าไร
ระยะเวลาของผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 3 -8 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของโบท็อกซ์ ตำแหน่ง ประวัติการใช้โบท็อกซ์ ความเสี่ยงในการดื้อยา และการดูแลตัวเองของคนไข้ค่ะ โดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบหลักมีดังนี้
1. งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์ทำให้ฤทธิ์ของยาลดลง
2. งดออกกำลังกายอย่างหนัก, อบซาวน่า, แช่น้ำอุ่น เนื่องจากความร้อนจะสลายตัวยาให้หมดสภาพเร็วขึ้น
3. ยิ่งมีการใช้งาน กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดบ่อยๆ จะทำให้ผลลัพธ์สั้นลง
4. หลังฉีดโบท็อกซ์งดนอนราบ เป็นเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการไหลของโบท็อกซ์
5. งดการนวดกดจุดบริเวณที่ฉีด เป็นเวลา 1 เดือน
6. หลีกเลี่ยงไม่ให้บริเวณที่ฉีดโดนความร้อนเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ รวมไปถึงงดการทำทรีทเม้นท์ด้วยเครื่อง RF หรือเลเซอร์อย่างน้อย 2 สัปดาห์
หลังจากฉีดโบท็อกซ์กี่วัน จึงเห็นผล
จะขึ้นอยู่กับยี่ห้อของโบท็อกซ์ ตำแหน่ง และ วัตถุประสงค์ของการฉีด โดยทั่วไปช่วงเวลาเห็นผลลัพธ์ดังนี้ค่ะ
1. ริ้วรอย 3 วันแรกจะเริ่มรู้สึกตึง จะเริ่มเหตุผลลัพธ์ชัดเจนเมื่อผ่านไป 2 สัปดาห์
2. กราม หรือ น่อง จะเริ่มสังเกตเห็นในสัปดาห์ที่ 2 และจะเริ่มเห็นชัดเจนเมื่อผ่านไป 1 เดือน
3. รักแร้ ลดกลิ่นกาย จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ประมาณ 1 เดือน
หมายเหตุ:ผลลัพธ์อาจช้ากว่าหรือเร็วกว่า ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลค่ะ
คนไข้กลุ่มใด ที่ควรระวัง ในการรักษาด้วยโบทูลินั่ม ท็อกซิน
ข้อห้ามสำหรับบุคคลที่ต้องการฉีดโบท๊อกซ์
– กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรอยู่
– ผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
– ผู้ที่มีภาวะ หรือ ป่วย เกี่ยวข้องกับอาการเลือดออกแล้วหยุดยาก
– ผู้ที่มีอาการแพ้สาร Botulinum Toxin
FAQ Filler คำถามที่พบบ่อย ในการฉีดสารเติม เต็ม(Filler)
ฉีดฟิลเลอร์แล้ว ฟิลเลอร์จะสลายไปเองได้หรือไม่ ต้องขูดออกหรือไม่
ฟิลเลอร์ถ้าใช้ของแท้ ยี่ห้อมาตรฐานที่ผ่าน อย. สลายหมดเอง 100% จะไม่พบปัญหา ที่ต้องไปขูดออก เพราะตัวยาสลายได้ค่ะ แต่ถ้าที่ต้องระวังคือ ตัวยาไม่ได้มาตรฐาน ยาปลอม ยาหิ้ว หรือ ยาจากผู้ฉีดที่ไม่ใช่แพทย์ อาจเจอซิลิโคนเหลว ไม่สามารถสลายเองได้ (เป็นก้อนบวมแข็งต้องขูดออก) หรือ ผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดคือ ไม่สามารถเติมเต็มด้วยกลุ่มฟิลเลอร์ได้ค่ะ เพราะอาจเกิดการติดเชื้อซ้ำซ้อนได้ ดังนั้น ควรเลือกรับการรักษา โดยดูจาก คุณหมอที่ให้การรักษาคลินิกมาตรฐาน และ ตัวยาแท้ จะมีการตรวจติดตามใกล้ชิด เห็นผลลัพธ์ที่ดีเป็นธรรมชาติ และ ความปลอดภัยสูงสุดค่ะ
ฟิลเลอร์เห็นผลลัพธ์เต็มที่เมื่อไร
ผลลัพธ์จะเห็นผลทันทีหลังการรักษาและจะค่อยๆดีขึ้น เห็นผลลัพธ์เซ็ตตัวสวย ชัดเจนที่ 4-8 สัปดาห์ค่ะ ขึ้นกับแต่ละบุคคลค่ะ
ฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน
ฟิลเลอร์อยู่ได้ 12-18 เดือน แล้วแต่รุ่นที่เลือกใช้ ซึ่งขึ้นกับบริเวณที่ต้องการรักษาหรือปรับรูปหน้า โดยที่ ฟิลเลอร์แท้สลายหมด 100% ไม่มีสารตกค้าง
หลังฟิลเลอร์ ควรดูแลตัวเองอย่างไร
แนะนำว่า สามารถล้างหน้า ทาครีมบำรุง ได้ตามปกติ
– หลังการฉีด 1 สัปดาห์แรก หลีกเลี่ยงการนวดหน้า ขัดหน้าหรือใช้เครื่องล้างหน้า/นวดหน้าระบบสั่นก่อนนะคะ
– หลีกเลี่ยงความร้อนโดยตรงกับผิว / เลเซอร์ / นวดหน้า ในช่วง 2 สัปดาห์แรก
FAQ Mesotherapy คำถามที่พบบ่อย ในการรับบริการ เมโสหน้าใส
เมโส คือ อะไร
เมโส คือ การใช้เข็มส่งผ่านตัวยาเข้าไปที่ผิวหนัง โดยจะมีชื่อย่อยๆ แตกต่างกันออกไป ตามวัตถุประสงค์ของการฉีด เช่น เมโสหน้าใส คือ การใช้เข็มส่งผ่านตัวยาเข้าไปที่ผิวหนังเพื่อให้หน้าฉ่ำวาว ใสขึ้นเมโสแฟต คือ การใช้เข็มส่งผ่านตัวยาเข้าไปที่ผิวหนังในชั้นไขมันเพื่อเร่งการขับไขมันทิ้งทางต่อมน้ำเหลือง เป็นต้น
เมโสหน้าใสต้องทำกี่ครั้ง ทำครั้งเดียวเห็นผลเลยไหม ?
เห็นผลเต็มที่ประมาณ 1 เดือน ปกติจะเริ่มเห็นผลประมาณ 1- 3 วันหลังฉีด และเห็นผลเต็มที่ประมาณ 7-14 วัน ขึ้นกับการดูแลตัวเองและการตอบสนองของแต่ละเคส และอยู่ได้ประมาณ 1 เดือน แนะนำฉีดสัปดาห์ละครั้ง ในช่วง 1 เดือนแรก หลังจากนั้นฉีดทุกๆ 2-3 สัปดาห์เพื่อคงสภาพครับ เมโสหน้าใสไม่มีสารคงตัว ข้อดี คือ จะสลายทั้งหมดไม่มีสารตกค้าง
เมโสหน้าใส ทำแล้วออกแดดได้ไหม ?
ใช้ชีวิตได้ปกติ ไม่ได้ทำให้ผิวไวต่อแดด แต่ช่วยปกป้องให้ผิวแข็งแรงขึ้นด้วยค่ะ ทั้งนี้ โดยปกติแม้เราไม่ได้ทำการรักษาหรือฉีดอะไรเลย ยังไงหมอก็จะแนะนำว่าควรทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ เพื่อปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระจากแสงยูวีที่จะทำให้เกิดความหมองคล้ำ และ ริ้วรอยได้ค่ะ
เมโสลดฝ้ากระ ลดจุดด่างดำ ได้ไหม ?
ในกรณีฝ้า กระ จุดด่างดำ สามารถเลือกรักษาได้หลายวิธี หนึ่งในนั้น คือ เมโสเธอราพี ค่ะ
แต่แนะนำว่า ควรแวะเข้ามาปรึกษาปัญหาผิวกับคุณหมอก่อนได้ค่ะ เพราะแต่ละเคสจะเหมาะกับการรักษาที่แตกต่างกันออกไปตามสภาพปัญหาผิว
ฉีดเมโสหน้าใส ผลข้างเคียงมีอะไรบ้าง?
การฉีดเมโสหน้าใส หากเลือกรับบริการในคลินิกที่มีาตรฐาน เลือกตัวยาแท้ และ ไม่เจือจางยา
ตัวยาที่ฉีดเข้าไปเป็นสารที่มีประโยชน์ ช่วยให้ผิวแข็งแรง โดยทั่วไปจะเป็นกลุ่มวิตามินช่วยบำรุงให้ผิวกระจ่างใส และตัวยาไม่มีสารคงตัว ไม่เป็นก้อน ไม่บวม โอกาสแพ้ หรืออันตรายน้อยมาก ผลข้างเคียงอาจเป็นเรื่องรอยช้ำ หรือ รอยเข็ม จากหัตถการ ซึ่งจะหายไปเองภายใน 3-7 วัน
เมโส มียาปลอม ด้วย ? เราควรเลือกอย่างไร ให้ปลอดภัย และ เห็นผล ?
ในท้องตลาด มีตัวยาปลอม และ ยาไม่ได้มาตรฐานปะปนอยู่มาก โดยเฉพาะยาที่มีราคาถูกเกินจริง แนะนำว่าควรเลือกสถานพยาบาล คลินิกที่ได้รับการรับรอง และมีมาตรฐาน
ควรได้รับการรักษาโดยแพทย์ เผื่อความปลอดภัยและผลลัพ์ที่ดี ค่ะ
FAQ FAT Reduction and Body Contouring คำถามที่พบบ่อย ในการ ลดไขมัน กระชับสัดส่วน
Mesofat เหมาะกับใคร ?
เหมาะกับผู้ที่กังวลปัญหาไขมันส่วนเกิน ต้องการเห็นผลเร็ว และ ต้องการความกระชับ สามารถฉีดได้ทั้งใบหน้า และ ลำตัว
ปวดไหม ต้องพักฟื้นไหม
ทำแล้ว ไม่แสบ ไม่บวม ไม่ปวด
หลังเข้ารับการรักษา โปรแกรมกระชับสัดส่วน ควรดูแลตัวเองอย่างไร
หลังทำ ใช้ชีวิตได้ปกติ แค่ถ้าอยากให้เห็นผลชัดเจน น้ำหนักไม่ควรเปลี่ยนแปลงเกิน 1-2 kg นะคะ Click
Mesofat สามารถฉีดบริเวณไหนได้บ้าง ? เห็นผลเมื่อไร
ฉีดทั่วใบหน้า บริเวณที่กังวล แก้ม เหนียง และ บริเวณลำตัว เช่น ต้นขา, ท้องแขน, พุง/หน้าท้อง ซึ่งจะเห็นผลหลังจากฉีด 1-2สัปดาห์ หลังจากที่ร่างกาย ขับไขมันทิ้งทางต่อมน้ำเหลือง และทางระบบปัสสาวะค่ะ
กระชับสัดส่วนที่สุภากาญจน์คลินิก เห็นผลเมื่อไร
คนไข้ส่วนใหญ่ เห็นผลลงดี ตั้งแต่ 1-2 สัปดาห์แรก ค่ะ การตอบสนองของแต่ละ เคสไม่เหมือนกันค่ะ แต่คนไข้ส่วนใหญ่เห็นความแตกต่างค่ะ
ทางคลินิกจะมีการวัดสัดส่วนก่อนและหลังเพื่อติดตามผลการรักษาค่ะ โดยทั่วไป คนไข้ ส่วนใหญ่สัดส่วนลดลง 1-3 นิ้ว ขึ้นกับการตอบสนองของแต่ละบุคคลค่ะ
หลังการรักษา โปรแกรมกระชับสัดส่วน อยู่ได้นานแค่ไหน
ตัวยาจะช่วยให้ร่างกายเรามีการขับไขมันทิ้งทางต่อมน้ำเหลือง ออกฤทธิ์ตามการดูแลตัวเองของเราค่ะ ถ้าอยากให้เห็นผลชัดเจน น้ำหนักไม่ควรเปลี่ยนแปลงเกิน 1-2 kg นะคะ หลีกเลี่ยงทานอาหารที่มีน้ำตาลสูง ไขมันสูง นะคะ
FAQ Facial treatment
ทรีตเมนต์เหมาะกับปัญหาผิวแบบไหนบ้าง
ทรีตเมนต์ที่สุภากาญจน์คลินิก เรามีสูตรตัวยาที่หลากหลาย เหมาะกับการแก้ไขปัญหาผิว ทุกสภาพปัญหา ทั้งผิวแห้ง แพ้ ระคายเคือง ฝ้ากระ จุดด่างดำ ลดเลือนริ้วรอยและกระชับผิว เห็นผลดี ตอบโจทย์ทุกสภาพปัญหาผิวของคุณ สามารถปรึกษาคุณหมอก่อนได้ค่ะ ว่าสภาพปัญหาผิวเหมาะกับทรีตเมนต์สูตรใดเป็นพิเศษ ได้ลองแล้วคุณจะหลงรักผิวของคุณมากกว่าเดิมค่ะ
เห็นผลเมื่อไร ทำได้บ่อยแค่ไหน
เริ่มเห็นความแตกต่างตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ารับบริการ คนไข้ส่วนใหญ่สัมผัสได้ว่าผิวนุ่มขึ้นกระจ่างใส ชุ่มชื้นขึ้นค่ะ และ สามารถทำได้ทุก 1-2 สัปดาห์ หรือ ก่อนไปงานสำคัญ หรือตามความกังวลของสภาพปัญหาผิวของคนไข้ค่ะ
ทำทรีตเมนต์ แล้วจะมีโอกาสแพ้ไหม ผิวแพ้ง่ายทำได้ไหม
ทรีตเมนต์ที่สุภากาญจน์คลินิก ใช้ตัวยาเกรดพรีเมี่ยมที่เน้นเห็นผล และ เหมาะสำหรับผู้มีปัญหาผิวโดยเฉพาะ ผิวแพ้ง่าย ผิวระคายเคืองโดยเฉพาะค่ะ คุณหมอจะประเมินสภาพปัญหาผิวและให้คำแนะนำก่อนเข้ารับบริการทุกเคส หมดกังวลไปได้เลยค่ะ
ใช้เวลาในการทำนานแค่ไหน มีขั้นตอนอะไรบ้าง
โดยทั่วไป ใช้เวลาในการรับบริการ 45-60 นาที ขึ้นกับชนิดของทรีตเมนต์ค่ะ ขั้นตอนทรีตเมนต์ของทางคลินิก จะมีเทคนิคเฉพาะในการใช้เครื่องผลักวิตามิน ร่วมกับ เครื่อง Radiofrequency และ Cryotherapy ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะของคลินิกในการนำพาตัวยาให้ซึมลึกสู่ชั้นผิวอย่างอ่อนโยนและรู้สึกสบายผิวหน้ามากๆค่ะ
FAQ Vita Booster คำถามที่พบบ่อย ในการให้วิตามินทางเส้นเลือด
ให้วิตามินผิว จะเห็นผลเมื่อไร
คนไข้ส่วนใหญ่จะเริ่มสังเกตเห็นความต่าง รู้สึกว่าผิวใสขึ้น นุ่มลื่นขึ้น ตั้งแต่ 1-2 ครั้งแรกค่ะ โดยขึ้นกับตัวยาแต่ละสูตร สภาพผิว การดูแลตัวเอง ซึ่งคุณหมอจะประเมิน และให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ก่อนให้วิตามิน ค่ะ
Vita Booster ใช้เวลานานไหม
ปกติใช้เวลาประมาณ 15-30 นาทีค่ะ
เห็นผลเมื่อไร
คนไข้ส่วนใหญ่จะเริ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่1-2ครั้งแรกค่ะ จะสังเกตได้ว่าผิวใส อมชมพู เรียบเนียน นุ่มลื่นขึ้น ซึ่งผลลัพธ์แตกต่างกันออกไป ตามสภาพผิว การดูแลของคนไข้ การตอบสนองของยาความเข้มข้นของสูตรวิตามินมีผลต่อการลดการสร้างเม็ดสีของแต่ละบุคคลค่ะ ซึ่งหากคุณลูกค้า ต้องการ เปลี่ยนเฉดสีผิว แนะนำ สูตรยอดนิยมของทางคลินิก Ultra Bright หรือ Star Bright 3-5ครั้ง ขึ้นไปค่ะ
หยุดให้แล้วจะดำ หรือ ไวต่อแดดไหม
หลังหยุดให้วิตามิน ไม่ได้ทำให้คล้ำขึ้น และ ผิวจะไม่ไวต่อแดดเลยค่ะ เพราะตัวยาของเราเป็นยามาตรฐาน แต่ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของเราด้วยค่ะ แนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงการออกแดดจัด ร่วมกับทาครีมกันแดดสม่ำเสมอเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ
รู้สึกอย่างไร ในระหว่างที่ทำ Vita Booster
โดยทั่วไป ไม่มีอาการปวดหรือแสบ ระหว่าง ให้วิตามินเลยค่ะ เพราะทางคลินิกเราใช้เป็นยาเกรดพรีเมี่ยมจากยุโรปและญี่ปุ่น ซึ่งผ่านมาตรฐานองค์การอาหารและยา ค่ะ แต่สำหรับ คนไข้ส่วนน้อย ที่ไม่เคยให้วิตามินทางเส้นเลือดมาก่อน หรือ มารับบริการในช่วงเวลาท้องว่าง อาจมี
อาการคลื่นไส้ได้เล็กน้อย จากกลิ่นของยาขณะที่ให้วิตามินค่ะ ซึ่งทางคลินิกมีการดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ต้องกังวลค่ะ
มีผลข้างเคียงไหม อันตรายกับตับไต ไหม
ส่วนใหญ่เป็นวิตามินที่ร่างกายต้องการ ในปริมาณพอเหมาะค่ะ ไม่เป็นอันตรายค่ะ เพราะ ยาไม่สะสม เป็นวิตามินที่ร่างกายต้องการ และ ร่างกายสามารถกำจัดออกได้เองถ้าเกินเกณฑ์ที่ร่างกายกำหนด ซึ่งโดสยาคุณหมอให้ตามมาตรฐาน ไม่เกินขนาดแน่นอนค่ะ
ต้องให้วิตามินผิวบ่อยแค่ไหน
สามารถทำบ่อยได้ทุก 1-2 สัปดาห์ หรือ เมื่อมีความกังวล คอร์สที่แนะนำ เห็นผลเต็มที่ ประมาณ 5 ครั้ง ห่างกันทุก 1 สัปดาห์ค่ะ
ทำไมต้องให้วิตามินผิวที่ สุภากาญจน์คลินิก
ดูแลผิวสวยที่ สุภากาญจน์ คลินิก ตัวยาคุณภาพสูง เห็นผลดีอย่างเป็นธรรมชาติ ตัวยา และ ขนาดยา มาตรฐาน วิตามินหลายตัว เกรดพรีเมี่ยม ทำให้ผลลัพธ์ดีเยี่ยมคนไข้บอกต่อ และ มาให้วิตามินต่อเนื่องซ้ำ เพราะผลลัพธ์ชัดเจน จนคนรอบข้างทัก ช่วยลดรอยดำจากแดด ผิวหมองคล้ำ แห้ง ให้ชุ่มชื้น สดใส ด้วยมัลติวิตามิน สูตรเข้มข้น สูตรเฉพาะของทางคลินิก พร้อม ล้างสารพิษตกค้าง ตัวเจ้าปัญหาที่ทำให้ผิวคุณเสีย ช่วยฟื้นฟู ปรับสภาพผิว เสริมสร้างเซลล์ผิวให้แข็งแรง พร้อมต่อต้านแสงแดดและอนุมูลอิสระจากมลภาวะ ยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลลานินทั่วเรือนร่าง คุณหมอดรอลยาให้เองทุกเคส มั่นใจในคุณภาพ รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงค่ะ
FAQ LASER คำถามที่พบบ่อย ในการรับบริการ เลเซอร์
เลเซอร์แล้วทำให้หน้าบาง หรือ ไม่
โดยปกติแล้ว เลเซอร์ที่สุภากาญจน์คลินิก เป็นเครื่องเลเซอร์มาตรฐานอเมริกา ซึ่งได้รับการรับรองสูงสุดระดับนานาชาติ และ มีงานวิจัยรองรับมากมายค่ะ การทำเลเซอร์ ไม่ได้ทำให้หน้าบางลงแน่นอนค่ะ โดยเฉพาะถ้าเป็นเครื่องที่ได้มาตรฐาน และ ดูแลอย่างเหมาะสมโดยแพทย์ผู้ชำนาญการ
การทำเลเซอร์จะช่วยรักษาปัญหาผิวและช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นอีกด้วยค่ะ และ เราสามาถ ดูแลผิวได้ตามปกติค่ะ ถึงทำหรือไม่ทำเลเซอร์ ก็ควรทาครีมบำรุงผิวที่เหมาะกับปัญหาผิว และ ทาครีมกันแดด เพื่อป้องกันอนุมูลอิสระและริ้วรอยก่อนวัยด้วยนะคะ
เลเซอร์ ช่วยเรื่องอะไรบ้าง
ทางเรามีบริการเครื่องเลเซอร์ที่ครอบคลุมหลายปัญหาผิวค่ะ มีทั้ง เครื่องที่แก้ปัญหารอยแดง รอยดำ ฝ้ากระ กระชับรูขุมขน หลุมสิว และ กลุ่มยกกระชับ ค่ะ โดยการรักษา ขึ้นกับชนิดของเครื่องเลเซอร์ที่เลือกใช้ ซึ่งคุณหมอจะพิจารณา ตามปัญหาของ แต่ละเคส ว่าเหมาะกับเครื่องเลเซอร์ประเภทใด เพื่อให้การรักษาที่เห็นผลลัพธ์ที่ดี ตอบโจทย์ความกังวลของคนไข้มากที่สุดค่ะ
หลังทำ เลเซอร์แบบแบบตกสะเก็ด เช่น กำจัดไฝ กำจัดติ่งเนื้อ หรือ เลเซอร์ หลุมสิว ควรดูแลตัวเองอย่างไร
หลังทำเลเซอร์ไป อาจจะมี รอยแดง แห้ง แสบ หรือตกสะเก็ดได้นะคะ
แนะนำว่า
1. ใน 24 ชั่วโมงแรก หลีกเลี่ยงการโดนน้ำ หรือ รีบซับให้แห้ง ทายาตามปกติ
2.ทายาเคลือบแผลกันน้ำ ฆ่าเชื้อ ที่คลินิกจ่ายให้ เช้า-เย็น ช่วยสมานแผล ลดการอักเสบ ลดการเกิดคีลอยด์
3. สามารถทำความสะอาดผิวหน้าได้ตามปกติ
4. สะเก็ดจะหลุดเอง ประมาณ 4-7วัน **ไม่ควรแกะสะเก็ดเพราะจะทำให้ทิ้งรอย
5. หลังสะเก็ดหลุดผิวจะเป็นเนื้อสีชมพูบางๆ ประมาณ2-3เดือน และค่อยๆดีขึ้น จางลง
6. แนะนำหลีกเลี่ยงแสงแดด ทาครีมกันแดดSPF30ขึ้นไปเพื่อให้สีผิวสม่ำเสมอ ค่ะ
ปกติแล้ว ต้องทำเลเซอร์ กี่ครั้ง ถึงจะเห็นผล
โดยทั่วไป ขึ้นกับสภาพผิว และ ปัญหาผิวของคนไข้แต่ละเคสค่ะ แต่จะเห็นความแตกต่าง สภาพผิวค่อยๆดีขึ้น ตั้งแต่ครั้งแรกค่ะ แต่สำหรับปัญหาผิวที่มีเม็ดสีเข้ม อาจจะใช้จำนวนครั้งมากกว่าในเคสที่มีปัญหาผิวน้อยกว่าค่ะ เช่น การรักษาฝ้า กระ อาจจะเริ่มเห็นว่าจางตั้งแต่ 1-3 ครั้งแรก เป็นต้นค่ะ ทั้งนี้ คุณหมอจะประเมินปัญหาของคนไข้ และให้คำแนะนำตามสภาพปัญหาผิวของคนไข้ก่อนให้การรักษาค่ะ
หลังทำเลเซอร์ ควรดูแลตัวเองอย่างไร ต้องดูแลเป็นพิเศษไหม ?
– บางท่านที่ผิวแห้งง่าย อาจผิวอาจแห้งลง หลังเลเซอร์ได้ แนะนำทาครีมบำรุงมาส์กหน้าได้ตามปกติค่ะ
– อาการแดงเรื่อๆ จะดีขึ้นภายใน 3-12 ชั่วโมง หากแดงมาก สามารถประคบเย็น หรือ ทายาลดรอยแดงได้ค่ะ วันต่อไปสามารถทำงาน แต่งหน้าได้ตามปกติค่ะ