โรคผิวหนัง สิว ฝ้า ผื่นแพ้

รักษาโรคทั่วไป และ โรคผิวหนัง ผื่น แพ้ สิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยแผลเป็นโดยแพทย์ผู้ชำนาญ ปริญญาโทด้านตจวิทยา(ผิวหนัง) โดยสุภากาญจน์คลินิก เน้นรักษาตามปัญหาสภาพผิวคนไข้ วิเคราะห์ แก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด เพื่อให้การรักษาที่ดีที่สุดกับคุณ


FAQ โรคผิวหนัง สิว ฝ้า ผื่นแพ้

ในการตรวจโรคทางผิวหนัง มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณเท่าไร

โดยทั่วไปแนะนำว่า คนไข้สามารถแวะเข้ามาปรึกษาสภาพปัญหาผิวก่อนได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการปรึกษาค่ะ คุณหมอจะตรวจประเมินสภาพผิว ให้คำแนะนำแนวทางในรักษา และ ร่วมกันตัดสินใจพร้อมกับคนไข้ในการวางแผนการรักษาตามสภาพปัญหาผิว งบประมาณ และ
ความสะดวกของคนไข้ค่ะหรือ หากสงสัย ต้องการสอบถามรายละเอียดค่ารักษา สามารถติดต่อสอบถามทางไลน์คลินิกได้เลยค่ะ

ทำไม สุภากาญจน์คลินิก จึงมีชื่อเสียงในการรักษาสิว ฝ้า

ที่สุภากาญจน์คลินิก เราเน้นให้การรักษาตามสาเหตุของการเกิดปัญหาค่ะ ซึ่งคุณหมอจะประเมินตามสภาพปัญหาผิว และให้คำแนะนำรายบุคคล เราเน้นการรักษาที่สาเหตุตามปัญหาจริงๆ ไม่มีคอร์ส ไม่มีการบังคับให้ใช้แต่ผลิตภัณฑ์ของเราเท่านั้น คนไข้สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมและความกังวลค่ะ ซึ่งโดยทั่วไปคนไข้ส่วนใหญ่เห็นผลลัพธ์การรักษาที่ดี ผิวแข็งแรงขึ้นและอาการดีขึ้น สามารถใช้ชีวิต

ฝ้า มีแนวทางการรักษาอย่างไรบ้าง

ที่สุภากาญจน์คลินิก เราเน้นให้การรักษาตามสาเหตุของการเกิดปัญหาค่ะ ซึ่งคุณหมอจะประเมินตามสภาพปัญหาผิว และให้คำแนะนำรายบุคคล เราเน้นการรักษาที่สาเหตุตามปัญหาจริงๆ ซึ่งแนวทางการรักษาฝ้า ขึ้นกับสาเหตุ ชนิดของฝ้า และ สภาพผิวของคนไข้ค่ะ แนวทางการรักษาฝ้า มีมากมาย เช่น ยากิน, ยาทา, เมโสลดฝ้า, เลเซอร์รักษาฝ้า ซึ่งเครื่องเลเซอร์ที่สุภากาญจน์คลินิก เป็นเครื่องมาตรฐานอเมริกา ซึ่งมีงานวิจัยรองรับ
มาตรฐานโลกมากมายว่าสามารถลดเม็ดสีได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ ในการรักษาฝ้านั้น ไม่ใช่ว่าจำเป็นต้องทำเลเซอร์อย่างเดียวเท่านั้น แต่เราควรรักษาที่กลไกการเกิดฝ้าโดยตรงค่ะ ซึ่งคุณหมอจะวิเคราะห์และให้คำแนะนำในการรักษาตามความเหมาะสมค่ะ หากสงสัย ต้องการสอบถามรายละเอียดค่ารักษา สามารถติดต่อสอบถามทางไลน์คลินิกได้เลยค่ะ

ถ้าทำเลเซอร์ แล้วหน้าจะบางไหม

โดยปกติแล้ว เลเซอร์ที่สุภากาญจน์คลินิก เป็นเครื่องเลเซอร์มาตรฐานอเมริกา ซึ่งได้รับการรับรองสูงสุดระดับนานาชาติ และ มีงานวิจัยรองรับมากมายค่ะ การทำเลเซอร์ ไม่ได้ทำให้หน้าบางลงแน่นอนค่ะ โดยเฉพาะถ้าเป็นเครื่องที่ได้มาตรฐาน และดูแลอย่างเหมาะสมโดยแพทย์ผู้ชำนาญการ การทำเลเซอร์จะช่วยรักษาปัญหาผิวและช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นอีกด้วยค่ะ และ เราสามาถ ดูแลผิวได้ตามปกติค่ะ ถึงทำหรือไม่ทำเลเซอร์ ก็ควรทาครีมบำรุงผิวที่เหมาะกับปัญหาผิวและ ทาครีมกันแดด เพื่อป้องกันอนุมูลอิสระและริ้วรอยก่อนวัยด้วยนะคะ


คำแนะนำหลังการรักษาสิว

รับประทานยา และ ทายาตามคำแนะนำของคุณหมอ หากสงสัย สามารถสอบถามทางคลินิกได้ตลอดเวลาค่ะ

หลังทายาบางตัวอาจรู้สึกแสบยิบๆหรือผิวแห้งลงได้ ควรทดลองเริ่มต้นทาในปริมาณน้อย ทายาบางๆ โดยเฉพาะ ยากลุ่มวิตามินเอ หรือ ยากลุ่มที่ทาเพื่อช่วยลดเม็ดสีไม่ควรทายาหนาเกิดไป เพราะบางรายอาจมีอาการแดง หรือลอกได้ ควรทดลองเริ่มต้นทาในปริมาณน้อย ทายาบางๆ

หากมีอาการแสบหรือแห้งมากเกินไป สามารถทาวันเว้นวัน และ ทาครีมชุ่มชื้นบำรุงได้ค่ะ อาการจะค่อยๆดีขึ้น

หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น และ งดขัด Scrubb หน้า หรือ ผลิตภัณฑ์ที่มีการผลัดเซลล์ผิวเพราะอาจเกิดการระคายเคือง

ดูแลผิวตามปกติ หลีกเลี่ยงแสงแดดตามปกติ ทาครีมกันแดดSPF30ขึ้นไป เพื่อให้ผิวใหม่ สีผิวสม่ำเสมอไม่ทิ้งรอย

กรณีเป็นสิว งดการแกะสิว เพราะจะทำให้ทิ้งรอยนานขึ้น

กรณีรักษาฝ้า ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นฝ้า และ ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ


Gallery

บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป

สุภากาญจน์คลินิก เป็นคลินิกเวชกรรมที่ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม โดย สุภากาญจน์คลินิก ให้บริการ
– ตรวจเวชกรรม โรคทั่วไป ตรวจสุขภาพ
– ตรวจโรคทั่วไป โรคผิวหนัง โดยแพทย์ผู้ชำนาญด้านผิวหนังโดยเฉพาะ
– ตรวจสุขภาพ เพื่อออกใบรับรองแพทย์สมัครงาน สมัครเรียน ใบรับรองแพทย์เพื่อสอบใบขับขี่ และ Work Permit Medical Certificate สำหรับชาวต่างชาติเพื่อทำงานในประเทศไทย
– ตรวจทางห้องปฏิบัติการ ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ ตรวจการตั้งครรภ์
– ตรวจด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย เช่น การตรวจภูมิแพ้ในอาหาร ระดับวิตามินในเลือด ฯลฯ

ทางสุภากาญจน์คลินิก ให้บริการ การตรวจสุขภาพเชิงลึกแบบเฉพาะบุคคล (Comprehensive Check up) เป็นการ ตรวจวิเคราะห์ร่างกายอย่างละเอียดรายบุคคล เช่น ตรวจดูปริมาณฮอร์โมน สารอาหาร และวิตามินภายในร่างกาย เพื่อวางแผนการดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคล และ สามารถแก้ปัญหาอย่างตรงจุด ละเอียดกว่าการตรวจสุขภาพประจำปีทั่วไป ช่วยในการป้องกันก่อนเกิดโรค เน้นการชะลอวัย และฟื้นฟูสุขภาพแบบองค์รวม เน้นการวางแผนดูแล และส่งเสริมด้านสุขภาพ การป้องกันโรค และ การตรวจคัดกรองความเสี่ยงก่อนเกิดโรคได้ตั้งแต่ระยะแรก
และยังมีบริการตรวจวิเคราะห์ร่างกายเชิงลึกแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Health Care) พร้อมด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ที่
ทันสมัย โดยส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการกับโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำของประเทศไทย ภายใต้การดูแลจากทีมแพทย์คุณภาพ ที่เน้นวางแผนการดูแลสุขภาพ การออกกำลังกาย การจัดการด้านโภชนาการที่เหมาะสม ตลอดจนแนะนำด้านการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต ที่ให้ความใกล้ชิดกับผู้รับบริการเหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน ด้วยความปราถนาดีที่อยากให้มีสุขภาพยืนยาวอย่างมีคุณภาพ


FAQ ตรวจโรคทั่วไป

ในการตรวจโรคทั่วไป มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณเท่าไร

ตรวจโรคทั่วไป ทางคลินิกจะคิดค่าบริการตามรายการยาค่ะ ซึ่งค่ายาจะเป็นราคาตามท้องตลาดค่ะ ไม่ชาร์จเพิ่ม โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 100-500 บาทค่ะ

สามารถออกใบรับรองแพทย์ แบบใดได้บ้าง

ทางคลินิกของเรา สามารถออกใบรับรองแพทย์ได้ค่ะ ใบรับรองแพทย์ มี 2 กรณี คือ ใบรับรองแพทย์ลาป่วย ซึ่งต้องมารับบริการตรวจตามจริงค่ะ
และ ใบรับรองแพทย์ 5 โรค ทั้งภาษาไทย และ ภาษาอังกฤษค่ะ ในกรณีใช้เพื่อจุดประสงค์ในการสมัครงาน สมัครสอบ หรือต่อใบอนุญาต หรือ Work Permitted ค่ะ

ผลเลือด หรือ การส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ มีขั้นตอนอย่างไร

สุภากาญจน์คลินิก ให้บริการตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ และ ตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดยส่งตรวจโดยตรงกับ N-Health ในเครือBDMS (โรงพยาบาลกรุงเทพ และ เครือโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำของประเทศไทย) จึงสามารถมั่นใจในผลแลป ทั้งมาตรฐาน ความปลอดภัยสูงสุดค่ะ

ตรวจทางเวชศาสตร์ชะลอวัย คืออะไร

ทางสุภากาญจน์คลินิก ให้บริการ การตรวจสุขภาพเชิงลึกแบบเฉพาะบุคคล (Comprehensive Check up) เป็นการตรวจวิเคราะห์ร่างกายอย่างละเอียดรายบุคคล เช่น ตรวจดูปริมาณฮอร์โมน สารอาหาร และวิตามินภายในร่างกาย เพื่อวางแผนการดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคล และ สามารถแก้ปัญหาอย่างตรงจุด ละเอียดกว่าการตรวจสุขภาพประจำปีทั่วไป ช่วยในการป้องกันก่อนเกิดโรค เน้นการชะลอวัย และฟื้นฟูสุขภาพแบบองค์รวม เน้นการวางแผนดูแล และส่งเสริมด้านสุขภาพ การป้องกันโรค และ การตรวจคัดกรองความเสี่ยงก่อนเกิดโรคได้ตั้งแต่ระยะแรก
และ ยังมีบริการตรวจวิเคราะห์ร่างกายเชิงลึกแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Health Care)
พร้อมด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย พร้อมให้บริการดูแลคุณอย่างดีที่สุดค่ะ


Gallery

ยกกระชับ ปรับรูปหน้า ชะลอวัย

สุภากาญจน์คลินิก ให้บริการในด้านการดูแลผิวพรรณ ให้คุณดูอ่อนเยาว์ สวยในแบบของคุณ อย่างเป็นธรรมชาติ ด้วย นวัตกรรมตัวยาแท้ ตรวจสอบได้ และ เครื่องมือมาตรฐานสากล ให้คุณมั่นใจในคุณภาพ ความปลอดภัย และ ผลลัพธ์ในการรักษาที่ดีที่สุด ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้มีประสบการณ์และจบเฉพาะด้านตจวิทยา(ผิวหนัง)โดยตรง
– Botulinum Toxin โบทูลินั่ม ท็อกซิน (โบท็อกซ์)  >>>กดเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม

 


– Fillers สารเติมเต็ม (ฟิลเลอร์) >>>กดเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม


FAQ Botox คำถามที่พบบ่อย ในการฉีดโบทูลินั่ม ท็อกซิน(Botox)

ควรเตรียมตัวอย่างไร ก่อนฉีดโบท็อกซ์

1. ควรงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนการฉีด
2.ไม่ได้อยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร และ ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรง เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
3. เพื่อป้องการอาการฟกช้ำ ควรหยุดการใช้ยาแก้ปวด ยาแอสไพริน ยากลุ่มต้านการอักเสบ NSAIDS ได้แก่ Ibruprofen, Naproxen อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการฉีด
4. งดวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส อย่างน้อย 2 สัปดาห์
5. หากมีประวัติการติดเชื้อ กลุ่มงูสวัด (Herpes Infection) กรุณาแจ้งแพทย์

หลังจากฉีดโบท็อกซ์กี่วัน จึงเห็นผล

จะขึ้นอยู่กับยี่ห้อของโบท็อกซ์ ตำแหน่ง และ วัตถุประสงค์ของการฉีด โดยทั่วไปช่วงเวลาเห็นผลลัพธ์ดังนี้ค่ะ
1. ริ้วรอย 3 วันแรกจะเริ่มรู้สึกตึง จะเริ่มเหตุผลลัพธ์ชัดเจนเมื่อผ่านไป 2 สัปดาห์
2. กราม หรือ น่อง จะเริ่มสังเกตเห็นในสัปดาห์ที่ 2 และจะเริ่มเห็นชัดเจนเมื่อผ่านไป 1 เดือน
3. รักแร้ ลดกลิ่นกาย จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ประมาณ 1 เดือน
หมายเหตุ:ผลลัพธ์อาจช้ากว่าหรือเร็วกว่า ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลค่ะ

คนไข้กลุ่มใด ที่ควรระวัง ในการรักษาด้วยโบทูลินั่ม ท็อกซิน

ข้อห้ามสำหรับบุคคลที่ต้องการฉีดโบท๊อกซ์

– กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรอยู่
– ผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
– ผู้ที่มีภาวะ หรือ ป่วย เกี่ยวข้องกับอาการเลือดออกแล้วหยุดยาก
– ผู้ที่มีอาการแพ้สาร Botulinum Toxin

โบท็อกซ์ อยู่ได้นานเท่าไร

ระยะเวลาของผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 3 -8 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของโบท็อกซ์ ตำแหน่ง ประวัติการใช้โบท็อกซ์ ความเสี่ยงในการดื้อยา และการดูแลตัวเองของคนไข้ค่ะ โดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบหลักมีดังนี้

1. งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์ทำให้ฤทธิ์ของยาลดลง
2. งดออกกำลังกายอย่างหนัก, อบซาวน่า, แช่น้ำอุ่น เนื่องจากความร้อนจะสลายตัวยาให้หมดสภาพเร็วขึ้น
3. ยิ่งมีการใช้งาน กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดบ่อยๆ จะทำให้ผลลัพธ์สั้นลง
4. หลังฉีดโบท็อกซ์งดนอนราบ เป็นเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการไหลของโบท็อกซ์
5. งดการนวดกดจุดบริเวณที่ฉีด เป็นเวลา 1 เดือน
6. หลีกเลี่ยงไม่ให้บริเวณที่ฉีดโดนความร้อนเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ รวมไปถึงงดการทำทรีทเม้นท์ด้วยเครื่อง RF หรือเลเซอร์อย่างน้อย 2 สัปดาห์

FAQ Filler คำถามที่พบบ่อย ในการฉีดสารเติมเต็ม(Filler)

ฉีดฟิลเลอร์แล้ว ฟิลเลอร์จะสลายไปเองได้หรือไม่ ต้องขูดออกหรือไม่

ฟิลเลอร์ถ้าใช้ของแท้ ยี่ห้อมาตรฐานที่ผ่าน อย. สลายหมดเอง 100% จะไม่พบปัญหา ที่ต้องไปขูดออก เพราะตัวยาสลายได้ค่ะ แต่ถ้าที่ต้องระวังคือ ตัวยาไม่ได้มาตรฐาน ยาปลอม ยาหิ้ว หรือ ยาจากผู้ฉีดที่ไม่ใช่แพทย์ อาจเจอซิลิโคนเหลว ไม่สามารถสลายเองได้ (เป็นก้อนบวมแข็งต้องขูดออก) หรือ ผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดคือ ไม่สามารถเติมเต็มด้วยกลุ่มฟิลเลอร์ได้ค่ะ เพราะอาจเกิดการติดเชื้อซ้ำซ้อนได้ ดังนั้น ควรเลือกรับการรักษา โดยดูจาก คุณหมอที่ให้การรักษาคลินิกมาตรฐาน และ ตัวยาแท้ จะมีการตรวจติดตามใกล้ชิด เห็นผลลัพธ์ที่ดีเป็นธรรมชาติ และ ความปลอดภัยสูงสุดค่ะ

ฟิลเลอร์เห็นผลลัพธ์เต็มที่เมื่อไร

ผลลัพธ์จะเห็นผลทันทีหลังการรักษาและจะค่อยๆดีขึ้น เห็นผลลัพธ์เซ็ตตัวสวย ชัดเจนที่ 4-8 สัปดาห์ค่ะ ขึ้นกับแต่ละบุคคลค่ะ

ฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน

ฟิลเลอร์อยู่ได้ 12-18 เดือน แล้วแต่รุ่นที่เลือกใช้ ซึ่งขึ้นกับบริเวณที่ต้องการรักษาหรือปรับรูปหน้า โดยที่ ฟิลเลอร์แท้สลายหมด 100% ไม่มีสารตกค้าง

หลังฟิลเลอร์ ควรดูแลตัวเองอย่างไร

แนะนำว่า สามารถล้างหน้า ทาครีมบำรุง ได้ตามปกติ
– หลังการฉีด 1 สัปดาห์แรก หลีกเลี่ยงการนวดหน้า ขัดหน้าหรือใช้เครื่องล้างหน้า/นวดหน้าระบบสั่นก่อนนะคะ
– หลีกเลี่ยงความร้อนโดยตรงกับผิว / เลเซอร์ / นวดหน้า ในช่วง 2 สัปดาห์แรก


คำแนะนำหลังฉีด โบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botox)

1. หลังการฉีด 30 นาทีแรก ควรขยับกล้ามเนื้อบ่อยๆบริเวณที่ฉีด

2. สามารถล้างหน้า ทาครีมบำรุงได้ตามปกติ แนะนำทิศทางทา ครีม ควรทาออกไปบริเวณกรอบหน้า ไม่ปัดลง เพราะอาจทำให้ ยากระขายไปบริเวณที่ไม่ต้องการได้

3. หลังการฉีด 2-3 ชั่วโมง ควรงดนอนราบ หลีกเลี่ยงการนวด หรือ อยู่ในที่ร้อนจัด รอยนูนจากตัวยาจะค่อยๆกระจาย เรียบเนียนใน2-3ชั่วโมง

4. หลังการฉีด 1 สัปดาห์แรก หลีกเลี่ยงการนวดหน้า ขัดหน้า หรือ ใช้เครื่องล้างหน้า/นวดหน้าระบบสั่น

5. ใน 1 สัปดาห์แรก อาจะมีอาการบวม หรือ ช้ำได้เล็กน้อย อาการ เขียวช้ำ จะหายได้เองใน 1-2 สัปดาห์ แนะนำให้ประคบเย็น ทายาลดอาการช้ำ หลีกเลี่ยงการนวด หรือ กดแรงๆหลีกเลี่ยงการประคบร้อน

6. สามารถแต่งหน้า ทาครีมได้ตามปกติ ทันทีหลังการรักษา

7. หลังฉีดอาจมีอาการปวด ตึงศีรษะได้ อาการจะค่อยๆดีขึ้น สา มาถทานยาบรรเทาอาการปวดได้

8. หากฉีดบริเวณกราม อาจมีอาการ ปวดเมื่อยๆ ได้ใน 1-3 สัปดาห์แรก อาการจะค่อยๆดีขึ้น

9. หลีกเลี่ยงของร้อนโดยตรงต่อบริเวณที่รับการรักษา เช่น ไดร์ผม ร้อน โยคะร้อน

10. หลีกเลี่ยง แอลกอฮอร์ เพราะอาจทำให้ผลของโบท็อกซ์อยู๋ได้ นานน้อยลง


คำแนะนำหลังฉีดสารเติมเต็ม ( Filler )

1. งดใช้เครื่องสำอาง งดแต่งหน้า ใน 12 ชั่วโมงแรก หลังฉีดฟิล เลอร์

2. สามารถล้างหน้า ทาครีมบำรุง ได้ตามปกติ

3. ใน 1 สัปดาห์แรก อาจะมีอาการบวม หรือ ช้ำได้เล็กน้อย อาการ เขียวช้ำ จะหายได้เองใน 1-2 สัปดาห์ แนะนำให้ประคบอุ่น ทายาลดอาการช้ำ หลีกเลี่ยงการนวด หรือ กดแรงๆ

4. รับประทานยา และ ทายาตามคำแนะนำของคุณหมอ ต่อเนื่อง จนหมด

5. หลีกเลี่ยงความร้อน เลเซอร์ การนวดหน้า 2 สัปดาห์

6. หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ อาหารแสลง ประมาณ 1 สัปดาห์

7. ดื่มน้ำมากๆ ประมาณ 1-2 ลิตร ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น และ อุ้มน้ำ

8. รูเข็มจะหายไป ภายใน 1-3 วัน

9. ผลลัพธ์จะคงตัว และ เห็นผลเต็มที่ 4-8 สัปดาห์

10.มีนัดตรวจติดตามผลในสัปดาห์ที่ 1 และ สัปดาห์ที่4 หากกังวล หรือ พบความผิดปกติอื่นๆ เช่น บวมมาก ช้ำบริเวณ กว้าง ผิวอักเสบ แดงร้อน สามารถแวะเข้ามาตรวจติดตาม พบ แพทย์ ก่อนนัดได้ค่ะ


Gallery

ลดไขมัน กระชับสัดส่วน

ลดไขมัน กระชับสัดส่วน ด้วยตัวยาและเครื่องมือมาตรฐาน
คำนึงถึงความปลอดภัย เห็นผล

ปัญหาไขมันส่วนเกิน เป็นปัญหาที่คนไข้เข้ามาปรึกษาที่ สุภากาญจน์คลินิก และ พบว่า คนไข้ส่วนใหญ่ สามารถลดน้ำหนัก กระชับสัดส่วน ลดไขมัน ลดเซลลูไลท์ เห็นผลลัพธ์และการเปลี่ยนแปลงที่ดีได้ เมื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด ซึ่งคุณหมอจะ แนะนำ แนวทางการดูแลแบบองค์รวม ควบคู่ไปกับนวัตกรรมใหม่ล่าสุด เพื่อช่วยลดระยะเวลาการรักษาและ ช่วยให้เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนมากขึ้น ไขมันส่วนเกิน มาจากไหน ถ้าเราทราบต้นเหตุ เราก็จะรู้แนวทางแก้ไขว่าทำยังไงให้ไขมันส่วนเกินของเราหายไป
งดน้ำหวาน/น้ำอัดลม/แอลกอฮอล์
งดคาร์โบไฮเดรต (ข้าว/แป้ง/น้ำตาล)
ออกกำลังกาย สม่ำเสมอ

นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เข้านอนก่อน 4-5 ทุ่ม ปรับสมดุลฮอร์โมน
ควรหลีกเลี่ยงความเครียด

 

หากว่า คุมปัจจัยเหล่านี้แล้ว..ยังไม่ผอม สุภากาญจน์คลินิกของเรา มีวิธีที่ง่ายกว่า มาแนะนำค่ะ


ตัวช่วย ลดไขมัน ยอดนิยม ที่ลูกค้าส่วนใหญ่ชื่นชอบ
No.1 BEST SELLER MESOFAT BODY
เมโสลดไขมัน สูตรเฉพาะสำหรับลำตัว


ดียังไง
ฉีดเฉพาะส่วน บริเวณที่กังวล
ช่วยกระชับผิว ลดผิวเปลือกส้ม
ลดเซลลูไลท์
เห็นผลตั้งแต่ 1-2 ครั้งแรก

เห็นผลเมื่อไร
หลังทำ 1-2 สัปดาห์*

ลูกค้าส่วนใหญ่ วัดสัดส่วน พบว่า มีขนาดเล็กลง

เหมาะกับใคร
คนที่กังวลรูปร่างเฉพาะส่วน
คนที่มีไขมันแน่น เนื้อเยอะ
คนที่มีปัญหาเซลล์ไลท์


ตัวช่วย ลดไขมัน ยอดนิยม ที่ลูกค้าส่วนใหญ่ชื่นชอบ
No.2 VITA BOOSTER สูตรใหม่ ! IV Ultra Burn


ดียังไง
ไม่ต้องคอยทานอาหารเสริมให้ยุ่งยาก
สามารถแวะมาเติมวิตามิน ได้ทุก 1-2 สัปดาห์
ช่วยเร่งการเผาผลาญ แถม ยังฟื้นฟูบำรุงร่างกายในขวดเดียว
ตัวยามาตรฐาน เกรดพรีเมี่ยม เห็นผลดี

เห็นผลเมื่อไร
หลังจากทำควบคู่กับการออกกำลังกาย หรือ คุมอาหาร จะเห็นผลดีมากขึ้น ประมาณ 3-5 ครั้ง แล้วแต่การตอบสนองของแต่ละบุคคล
ร่างกายจะมีการเผลาผลาญมากขึ่้น โดยไม่มีผลต่อระบบอื่นๆ

เหมาะกับใคร
คนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
คนที่อ้วนง่าย ต้องการเร่งการเผาผลาญ ลดการสะสมของไขมัน


ตัวช่วย ลดไขมัน ยอดนิยม ที่ลูกค้าส่วนใหญ่ชื่นชอบ
NEW!!! No.3 BodyFX

เครื่องเลเซอร์กระชับสัดส่วน มาตรฐานอเมริกา


คืออะไร
เครื่องเลเซอร์มาตรฐานอเมริกา (US FDA) ช่วยสลายไขมัน สลายเซลลูไลท์ โดยใช้พลังงาน RF ร่วมกับ High Voltage Ultrashort Pulse duration RF
เพื่อฆ่าเซลล์ไขมันแบบถาวร

ดียังไง
ฆ่าเซลล์ไขมันแบบถาวร
ไม่เจ็บ ไม่ต้องพักฟื้น
สลายเซลลูไลท์ พร้อมกระชับผิว ไม่ต้องผ่าตัด

เห็นผลเมื่อไร
ทำได้ทุก 1-2 สัปดาห์ ประมาณ 4-8ครั้ง เห็นผลหลังจากทำการรักษาเต็มที่ 1-3 เดือน

เหมาะกับใคร
คนที่อยากกำจัดไขมันแบบถาวร โดยไม่ต้องผ่าตัด
คนที่อยากกระชับหน้าท้อง
คนที่อยากมี SIX-Pack
คนที่มีเซลลูไลท์ ผิวเปลือกส้ม


“NEW ! โปรแกรมลดน้ำหนัก ด้วยปากกาคุมหิว (S-Pen)”


กดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิ๊ก


FAQ FAT Reduction and Body Contouring คำถามที่พบบ่อย ในการ ลดไขมัน กระชับสัดส่วน

Mesofat เหมาะกับใคร ?

เหมาะกับผู้ที่กังวลปัญหาไขมันส่วนเกิน ต้องการเห็นผลเร็ว และ ต้องการความกระชับ สามารถฉีดได้ทั้งใบหน้า และ ลำตัว

ปวดไหม ต้องพักฟื้นไหม

ทำแล้ว ไม่แสบ ไม่บวม ไม่ปวด

หลังเข้ารับการรักษา โปรแกรมกระชับสัดส่วน ควรดูแลตัวเองอย่างไร

หลังทำ ใช้ชีวิตได้ปกติ แค่ถ้าอยากให้เห็นผลชัดเจน น้ำหนักไม่ควรเปลี่ยนแปลงเกิน 1-2 kg นะคะ

Mesofat สามารถฉีดบริเวณไหนได้บ้าง ? เห็นผลเมื่อไร

ฉีดทั่วใบหน้า บริเวณที่กังวล แก้ม เหนียง และ บริเวณลำตัว เช่น ต้นขา, ท้องแขน, พุง/หน้าท้อง ซึ่งจะเห็นผลหลังจากฉีด 1-2สัปดาห์ หลังจากที่ร่างกายขับไขมันทิ้งทางต่อมน้ำเหลือง และทางระบบปัสสาวะค่ะ

กระชับสัดส่วนที่สุภากาญจน์คลินิก เห็นผลเมื่อไร

คนไข้ส่วนใหญ่ เห็นผลลงดี ตั้งแต่ 1-2 สัปดาห์แรก ค่ะ การตอบสนองของแต่ละเคสไม่เหมือนกันค่ะ แต่คนไข้ส่วนใหญ่เห็นความแตกต่างค่ะ ทางคลินิกจะมีการวัดสัดส่วนก่อนและหลังเพื่อติดตามผลการรักษาค่ะ โดยทั่วไป คนไข้ส่วนใหญ่สัดส่วนลดลง 1-3 นิ้ว ขึ้นกับการตอบสนองของแต่ละบุคคลค่ะ

หลังการรักษา โปรแกรมกระชับสัดส่วน อยู่ได้นานแค่ไหน

ตัวยาจะช่วยให้ร่างกายเรามีการขับไขมันทิ้งทางต่อมน้ำเหลือง ออกฤทธิ์ตามการดูแลตัวเองของเราค่ะ ถ้าอยากให้เห็นผลชัดเจน น้ำหนักไม่ควรเปลี่ยนแปลงเกิน 1-2 kg นะคะ หลีกเลี่ยงทานอาหารที่มีน้ำตาลสูง ไขมันสูง นะคะ



คำแนะนำ หลังการรักษา กำจัดไขมันส่วนเกินกระชับสัดส่วน MESOFAT, BodyFx

ดื่มน้ำมากๆ ประมาณ 1-2 ลิตร ช่วยให้ไขมันขับออกทางปัสสาวะ

ควบคุมอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารประเภทไขมัน หรือ แป้ง น้ำตาล

สามารถออกกำลังกายเบาๆ ควบคู่ไปด้วยเพื่อเพิ่มประสิทธิผล

หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ อาหารแสลง ประมาณ 1 สัปดาห์

หากมีอาการบวม สามารถประคบเย็น นวดเบาๆ ได้ และอาการจะค่อยๆดีขึ้นใน3-7วัน

ดูแลผิวตามปกติ หลีกเลี่ยงแสงแดดตามปกติ ทาครีมกันแดดSPF30ขึ้นไป


Gallery

เมโสหน้าใส

Mesotherapy เมโสหน้าใส
คืออะไรMeso (เมโส) คือการใช้เข็มเป็นตัวนำพายาเข้าสู่ชั้นผิวมีหลายหลายชนิดหลากหลายตัวยาเพื่อรักษาปัญหาผิวที่คุณกังวล

เมโสหน้าใส คือ การฉีดตัวยาที่ช่วยฟื้นฟูผิว ลงในชั้นหนังกำพร้าและชั้นหนังแท้ (Dermis) เหมาะกับคนผิวแห้ง แต่งหน้าไม่ติด ต้องการความฉ่ำวาว ให้ผิวดูอิ่มฟู ดูสุขภาพดี หรือ สามารถทำเพื่อการบำรุงผิวทั่วไปได้ โดยทั่วไป จะเป็นเมโสสะกิดที่ผิวหนังชั้นตื้น ใช้เข็มเล็ก ไม่เจ็บ ไม่ทิ้งรอยเข็ม เหมาะกับคนกลัวเข็ม โดยทางคลินิกจะทำร่วมกับการใช้เครื่องผลักตัวยา เข้าสู่ชั้นหนังแท้ โดยมีข้อดี คือ มีการนวดหน้า กระตุ้นการทำงานของต่อมน้ำเหลือง ลดอาการบวมน้ำ ช่วยผ่อนคลาย ให้อาหารผิว ช่วยฟื้นฟู รวมถึง ปลอมประโลมผิวไปพร้อมๆกัน เมโสตัวยามาตรฐาน มีหลายตัวยา ตัวยาปลอดภัยสูง เป็นสูตรเฉพาะที่มีมาตรฐาน อย. รับรองไม่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ให้ยาเต็มโดส ไม่ผสมน้ำเกลือ ไม่แสบ ไม่บวม ไม่ปวด ไม่เป็นก้อน โอกาสแพ้น้อยมาก โดยตัวยาเน้นการฟื้นฟูผิว รวมถึง มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ลดบวม ลดอาการแพ้ในตัว คุณหมอจะช่วยประเมินผิว และ ชี้แจง องค์ประกอบหลัก ของแต่ละตัวยา อย่างละเอียด ประเมิน โดยแพทย์ และ ให้การรักษาโดยแพทย์ และ นวดหน้าผลักวิตามินโดย Therapist ผู้เชี่ยวชาญ ได้รับการ Training มาอย่างดี เห็นผลหลังทำทันที สัมผัสได้ว่าผิวหน้านุ่ม ชุ่มชื้น ไม่หยาบกร้าน ทำได้ทุก 1 สัปดาห์ จะเห็นผลเต็มที่อยู่ได้นาน ถ้าทำติดต่อกัน4-5ครั้ง

ตัวอย่างส่วนประกอบสำคัญและคุณสมบัติต่างๆ ในเมโสหน้าใส

Amino Acid อาหารผิว ฟื้นฟู ช่วยซ่อมแซมผิว ทั้งกระบวนการสร้าง ซ่อมแซม ปรับสภาพสมดุลของผิว

Hyaluronic Acid โมเลกุลของไฮยารูลอน ช่วยยึดจับกับโมเลกุลของน้ำได้มากถึง 1000 เท่า ช่วยโอบอุ้ม แก้ไขผิวขาดน้ำ เติมเต็มร่องลึก ริ้วรอยให้ดูลดเลือน

Placenta Essences มี Growth factor ช่วยในการทำงานของผิว เช่น EGF HGF TGF ช่วยบำรุง หล่อเลี้ยงผิวและ กระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจน

X-DNA สารสกัดจากอสุจิปลาแซลมอน มี PDRN ช่วยฟื้นฟูผิว ชุ่มชื้น ปกป้องเซลล์ผิวและการตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

MultiVitamins สาระสำคัญช่วยต้านอนมูลอิสระ เป็นอาหารผิว ต้านมลภาวะ ให้ผิวกระจ่างใส เมโสหน้าใส ยอดนิยมตลอดกาล

ฉีดแบบไหน
เทคนิกการฉีดมีหลายแบบ ระดับตื้นลึก, 16จุด ซึ่งคุณหมอจะดูแลตาม ชนิดของตัวยา และ ปัญหาผิวของคุณ

เห็นผลเมื่อไร ?”
โดยทั่วไป จะเห็นผลตั้งแต่ 1-2 ครั้งแรกและ เห็นผลเต็มที่ประมาณ ​1-2 สัปดาห์ หลังรักษา และ ดีขึ้นเรื่อยๆหลังการรักษาต่อเนื่อง ตามงานวิจัย( ผลลัพธ์ขึ้นกับต้นทุนผิวของแต่ละเคส  จำนวนครั้งการรักษาขึ้นกับสภาพผิวชนิดของเมโสและ ความกังวลของแต่ละเคส ซึ่งคุณหมอจะช่วยตรวจผิวและให้คำแนะนำตามสภาพผิวก่อนการรักษาทุกเคส )

อยู่ได้นานแค่ไหน ?”
เมโสเป็นกลุ่มการฟื้นบำรุงไม่ใช่การรักษาจึงไม่มีหมดฤทธิ์ ไม่มีเสื่อมฤทธิ์ …​ยิ่งทำยิ่งเห็นผลชัดเจนขึ้น

ควรดูแลตัวเองอย่างไร หลังทำเมโส
หลังทำจะรู้สึกว่าผิวหน้านุ่มขึ้นแต่งหน้าติดขึ้นบำรุงครีมซึมดีขึ้นผืวหน้าแข็งแรงขึ้นรูขุมขนกระชับขึ้นและปัญหาผิวที่กังวลค่อยๆดีขึ้น
เพราะเป็นการใช้เข็มจิ้มบนผิว อาจมีรอยเข็มหรือเขียวช้ำ ปวด บวมได้ อาการจะค่อยๆดีขึ้น ภายใน 3-7 วัน
สามารถแต่งหน้าทาครีมบำรุงชุ่มชื้นและครีมกันแดดดูแลผิวได้ตามปกติ
สามารถทำซ้ำได้ทุก 1-4 สัปดาห์ ตามสภาพปัญหาผิว และ ความกังวล ของคุณ

เมโสหน้าใส เป็นการรักษาเสริม ร่วมกับการรักษาหลักซึ่งหมอแนะนำว่าควรแก้ที่ต้นเหตุของปัญหาร่วมกันจึงจะเห็นผลดีที่สุด ผิวแข็งแรงขึ้น และ ไม่กลับเป็นซ้ำนะคะ


FAQ เมโส หน้าใส

เมโสหน้าใส ทำแล้วออกแดดได้ไหม ?

ใช้ชีวิตได้ปกติ ไม่ได้ทำให้ผิวไวต่อแดด แต่ช่วยปกป้องให้ผิวแข็งแรงขึ้นด้วยค่ะ ทั้งนี้ โดยปกติแม้เราไม่ได้ทำการรักษาหรือฉีดอะไรเลย ยังไงหมอก็จะแนะนำว่าควรทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ เพื่อปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระจากแสงยูวีที่จะทำให้เกิดความหมองคล้ำ และ ริ้วรอยได้ค่ะ

เมโส คือ อะไร

เมโส คือ การใช้เข็มส่งผ่านตัวยาเข้าไปที่ผิวหนัง โดยจะมีชื่อย่อยๆ แตกต่างกันออกไป ตามวัตถุประสงค์ของการฉีด เช่น เมโสหน้าใส คือ การใช้เข็มส่งผ่านตัวยาเข้าไปที่ผิวหนังเพื่อให้หน้าฉ่ำวาว ใสขึ้นเมโสแฟต คือ การใช้เข็มส่งผ่านตัวยาเข้าไปที่ผิวหนังในชั้นไขมันเพื่อเร่งการขับไขมันทิ้งทางต่อมน้ำเหลือง เป็นต้น

เมโสหน้าใสต้องทำกี่ครั้ง ทำครั้งเดียวเห็นผลเลยไหม ?

เห็นผลเต็มที่ประมาณ 1 เดือน ปกติจะเริ่มเห็นผลประมาณ 1- 3 วันหลังฉีด และเห็นผลเต็มที่ประมาณ 7-14 วัน ขึ้นกับการดูแลตัวเองและการตอบสนองของแต่ละเคส และอยู่ได้ประมาณ 1 เดือน แนะนำฉีดสัปดาห์ละครั้ง ในช่วง 1 เดือนแรก หลังจากนั้นฉีดทุกๆ 2-3 สัปดาห์เพื่อคงสภาพครับ เมโสหน้าใสไม่มีสารคงตัว ข้อดี คือ จะสลายทั้งหมดไม่มีสารตกค้าง

เมโสลดฝ้ากระ ลดจุดด่างดำ ได้ไหม ?

ในกรณีฝ้า กระ จุดด่างดำ สามารถเลือกรักษาได้หลายวิธี หนึ่งในนั้น คือ เมโสเธอราพี ค่ะ
แต่แนะนำว่า ควรแวะเข้ามาปรึกษาปัญหาผิวกับคุณหมอก่อนได้ค่ะ เพราะแต่ละเคสจะเหมาะกับการรักษาที่แตกต่างกันออกไปตามสภาพปัญหาผิว

ฉีดเมโสหน้าใส ผลข้างเคียงมีอะไรบ้าง?

การฉีดเมโสหน้าใส หากเลือกรับบริการในคลินิกที่มีาตรฐาน เลือกตัวยาแท้ และ ไม่เจือจางยา
ตัวยาที่ฉีดเข้าไปเป็นสารที่มีประโยชน์ ช่วยให้ผิวแข็งแรง โดยทั่วไปจะเป็นกลุ่มวิตามินช่วยบำรุงให้ผิวกระจ่างใส และตัวยาไม่มีสารคงตัว ไม่เป็นก้อน ไม่บวม โอกาสแพ้ หรืออันตรายน้อยมาก ผลข้างเคียงอาจเป็นเรื่องรอยช้ำ หรือ รอยเข็ม จากหัตถการ ซึ่งจะหายไปเองภายใน 3-7 วัน

เมโส มียาปลอม ด้วย ? เราควรเลือกอย่างไร ให้ปลอดภัย และ เห็นผล ?

ในท้องตลาด มีตัวยาปลอม และ ยาไม่ได้มาตรฐานปะปนอยู่มาก โดยเฉพาะยาที่มีราคาถูกเกินจริง แนะนำว่าควรเลือกสถานพยาบาล คลินิกที่ได้รับการรับรอง และมีมาตรฐาน
ควรได้รับการรักษาโดยแพทย์ เผื่อความปลอดภัยและผลลัพ์ที่ดี ค่ะ


คำแนะนำหลัง Mesotherapy เมโสหน้าใส / มาเด้ คอลลาเจน

ดื่มน้ำมากๆ ประมาณ 1-2 ลิตร ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น และ อุ้มน้ำ

หากมีอาการตุ่ยๆ ของยา อาการจะค่อยๆดีขึ้นเองใน 12 ชั่วโมง สามารถนวด คลึงเบาๆได้

หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ บุหรี่ อาหารแสลง ประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ

ดูแลผิวตามปกติ หลีกเลี่ยงแสงแดดตามปกติ ทาครีมกันแดดSPF30ขึ้นไป

หากมีอาการเขียวช้ำได้ แนะนำประคบอุ่น ทายาลดรอยช้ำ และ สามารถแต่งหน้าปกปิดได้ตามปกติ


ทำไมต้อง เมโสหน้าใส ที่สุภากาญจน์คลินิก

ตัวยาแท้ จากบริษัทนำเข้า มั่นใจได้ว่าไม่มียาปลอม หรือ ยาหิ้ว

ตัวยาล้วนๆ ตามมาตรฐาน ไม่ผสมเจือจางน้ำเกลือ

เห็นผลชัดเจน ตั้งแต่ 1-2 ครั้งแรก

คุณหมอประเมินและตรวจผิวอย่างละเอียดทุกเคส

คุณหมอมือเบา ไม่เจ็บ มีการประคบเย็น และ ทายาชา เพื่อลดอาการเจ็บ

คุณหมอสอนดูยาของแท้ ดึงยาต่อหน้า และ สามารถตรวจสอบที่มาของตัวยาได้ มั่นใจในมาตรฐาน และความปลอดภัย


Gallery

ทำไมหลายคนชอบนวดหน้า ที่สุภากาญจน์คลินิก ?

ใครๆ ก็หลงรักการมาทำทรีตเม้นต์ ที่สุภากาญจน์คลินิก เพราะ นวดหน้าที่สุภากาญจน์คลินิก เห็นผลดีตั้งแต่ครั้งแรก และให้ประโยชน์มากกว่าการทาครีมหรือการทำทรีตเมนต์ทั่วไป เพราะเราคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุด และมีทรีตเมนต์ที่หลากหลาย ตอบโจทย์ทุกปัญหาผิว ดูแลคุณโดย Therapist ผู้เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์มากว่า 10 ปี

ทำไม หลายคนชอบมานวดหน้าที่ สุภากาญจน์คลินิก ?
นวดหน้า ช่วยในการไหลเวียนเลือด ขนส่งออกซิเจน และ ขับของเสีย
ปรับสมดุลผิว ขับไขมันส่วนเกิน
ลดความหมองคล้ำ กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว
ลดเลือนริ้วรอย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
ผิวกระจ่างใส ลดจุดด่างดำ
ช่วยให้เราดูเด็กอยู่เสมอ
เครื่องมือ และ ตัวยามาตรฐาน เป็นสูตรเฉพาะของสุภากาญจน์คลินิก ที่คิดค้นเพื่อแก้ปัญหาแต่ละสภาพผิว โดยเฉพาะค่ะ

คุณหมอจะแนะนำรายละเอียด และส่วนประกอบของทรีตเมนต์แต่ละตัว และให้คำแนะนำตามปัญหาผิวของแต่ละบุคคล เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ ตอบโจทย์ความต้องการ และ แก้ไขปัญหาผิวของคุณได้อย่างดีที่สุดค่ะ

Bright EYE Treatment

บอกลาปัญหาตาโหล ตาคล้ำเป็นแพนด้า กังวลปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา แต่ไม่อยากฉีด
แก้ไขได้ ด้วยทรีตเมนต์สำหรับใต้ตาโดยเฉพาะ
ระยะเวลารักษา 20-30 mins
ตัวยาสำคัญ : Acetyl Hexapeptide-8, Argireline


เหมาะกับใคร
– คนที่อยากให้ดูเฟรช สดใส
– คนที่ปัญหาใต้ตา เช่น ตาโหล ตาคล้ำ กังวลปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา แต่ไม่อยากฉีดโบฯ ช่วยเสริมผลลัพธ์ และ ยืดระยะเวลาผลลัพธ์หลังการรักษาด้วย ฟิลเลอร์ใต้ตา หรือ โบท็อกซ์


Signature Treatment

ทรีตเม้นต์สูตรเฉพาะของสุภากาญจน์ ฟื้นบำรุงสุขภาพผิวจากชั้นลึก ด้วยวิตามินเข้มข้น และ เครื่องผลักวิตามินให้ตัวยาซึมลึกกว่าการทาครีมทั่วไป 300เท่า เหมาะกับใครคนที่ไม่มีกังวลปัญหาใดเป็นพิเศษ แต่ต้องการดูแล ฟื้นฟู ให้ผิวดูกระจ่างใสสุขภาพผิวแข็งแรง


Active Ingredients :
สูตร vitC + วิตามินA + vitaminB3 +Aloe +Arbutin+Tranexamic acid

แก้ฝ้า ลดการสร้างเม็ดสี ใช้arbutin+ Tranexamic acid+ soft peeling
ผลัดผิวชนิดอ่อนโยน
ลดริ้วรอยได้ ((ไม่ใช่AHA )) pH กลางอ่อนโยนต่อผิว ไม่ระคายเคือง
สามารถใช้ได้ทุกสภาพผิว แม้ผิวแพ้ง่าย บอบบาง

จากการทดลองใช้กับผู้ทดสอบอายุ 35-55ปี จำนวน 35คน ระยะเวลา 28วัน ด้วยสูตรนี้ พบว่า 

– 84% ของผู้ใช้ มีริ้วรอยที่ลดลง (wrinkle / fine lines reduction)

– 48% ของผู้ใช้ มีริ้วรอยที่ตื้นขึ้น (filling wrinkles)

– 71% ของผู้ใช้ รู้สึกผิวที่แน่นขึ้น (firmness)

– 69% ของผู้ใช้ พบว่า จุดด่างดำ จางลง (spots clearing)

– 85% ของผู้ใช้ พบว่า ผิวนุ่มขึ้น ชุ่มชื้นขึ้น และสว่างใสขึ้น


Alpha Aura Rose Treatment ( Recommended!!!)
ลดฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยสิวรอยดำ ผิวหมองคล้ำ ให้กระจ่างใส

Stop pigmentation before it starts.
Promote global whitening and reduce dark spots.
The skin’s beauty blooms with a new translucent clarity and radiance.

ลดฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยสิว แก้ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ ลดรอยดำ ผิวหมองคล้ำให้กระจ่างใส เร่งขาวแก้ฝ้าหน้าขาวเร็วสำหรับผิวบาง มีปัญหาเม็ดสี มีสิวผด ผดผื่นแพ้ง่าย มีสารลดการระคายเคืองจากวิตามินบี12


เหมาะกับใคร

คนที่กังวลปัญหารอยดำ ฝ้า กระ จุดด่างดำ
ผิวบางผิวไวต่อแดด ผิวทิ้งรอยง่าย
ต้องการความกระจ่างใส

Active Ingredients :
– Alpha arbutin ยับยั้งการสร้างเม็ดสี
สารสกัดเกรดพรีเมียม รวม5สารสกัด สารหลักทุกสาร
Vit C + Vit A + Vit B3 + Arbutin + Tranexamic acid

เกรดพรีเมียม ทุกสารวิตามินที่มีคือ ระดับสูงสุด


Sensitive Hydrafacial  (Recommended!!!)

ลดอาการแพ้ แดง ระคายเคือง ผดผื่นผิวชุ่มชื้น ฉ่ำวาว ดูสุขภาพดีตัวยาสูตรลดการอักเสบของผิว เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรก


เหมาะกับใคร

คนที่มีปัญหาผิวแห้ง ผิวแพ้ง่ายปัญหาผดผื่น คัน แห้ง ลอก เป็นขุย

Active Ingredients : Aloe Re เกรดพรีเมียมเข้มข้นกว่าทุกสูตร

PURE Aloe vera  + DPG + Vit B5+ hyaluronic acid  + Aloe inA. + Aloe inB 

Aloe Barbadensis Leaf Juice
สกัดจาก inner fillet (เนื้อว่าน หลังจากปลอกเปลือก)

ปกป้องผิวจากรังสี UV

สมานแผลเป็นต่างๆทำให้แผลหายเร็วขึ้น

ลดการอักเสบและระคายเคืองของผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ให้ผิวเรียบเนียน

ลดการอักเสบของสิวทำให้สิวแห้งเร็วมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย

ผิวจะเนียนนุ่มและชุ่มชื้นไม่แห้งกร้าน

ได้ผลที่ดีกว่า สารสกัดจากว่านหางจระเข้ทั่วไป

คุณสมบัติ: แก้ปัญหาผิวเซ็บเดิร์ม สิวผด

 

จากผลการวิจัยของแพทย์ที่ต่างประเทศ พบว่า การเพิ่มความชุ่มชื้นใต้ผิวด้วยhya ในระดับหนึ่ง ร่วมกับการใช้สารสกัดจาก Dipotassium Glycyrrhizinate (DPG)  จะมีอัตราการหายที่ดีมาก  ผื่นแดงระคายเคืองลดลง เห็นชัดทันทีหลังทำ โดย ไม่มีสเตียรอยด์


Full & Lift Treatment


❤️️botox-like เน้นริ้วรอย ชุ่มชื้น ลดฝ้า
ทรีตเม้นต์อันดับ1 ของสุภากาญจน์คลินิกบำรุง ฟื้นฟูผิวด้วยตัวยาวิตามินสูตรเฉพาะ ยกกระชับด้วยตัวยาที่ออกฤทธิ์คล้ายโบท็อกซ์ แบบทา ลดเลือนริ้วรอย ชะลอวัย ยกกระชับผิวให้อ่อนเยาว์กว่าที่เคย เหมาะกับใครคนที่มีปัญหาริ้วรอยตื้นๆ ผิวหย่อนคล้อยต้องการกระชับผิวให้แลดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ

Active Ingredients : 2%alpha arbutin* + Transenamic acid + vitB3 + matrxyl3000 + botox-like gel


หมวดริ้วรอย :: ผสมไวท์เทนนิ่งเข้มข้นทุกสูตรค่ะ แก้ฝ้าได้ในตัว  **

เพิ่มความชุ่มชื้นให้หน้าอิ่มขาวใส

ลดฝ้ากระ ชะลอวัย

รวมวิตามินทุกสูตร และ เพิ่ม + เน้น ลดริ้วรอยและ ยกกระชับ เหมือนbotox แต่มีสารยกหน้า full&Lift


Dermalogica treatment (From USA)


 

ทรีตเมนต์ที่ดูแลผิว ทั่วใบหน้า และ ลำคอ ด้วยผลิตภัณฑ์จากDERMALOGIICA ที่มีหลายสูตร ด้วยขั้นตอนการ ปรนนิบัติผิว 12 ขั้นตอน นวดโดย Therapist ที่ได้รับการอบรม จากสถาบัน Dermalogica (USA) ใช้เวลาทั้งหมด 45-75 นาที ทั่วใบหน้า และ ลำคอ ด้วยผลิตภัณฑ์จากDERMALOGICA 

มีหลายTreatment ให้เลือก ตามปัญหาผิว ผิวแห้ง แดง ระคายเคือง, ผิวหมองคล้ำ จุดด่างดำ ไม่กระจ่างใส,ผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอย ได้รับการบำรุงล้ำลึก พร้อมแก้ปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด รู้สึกถึงความนุ่ม ชุ่มชื้น สัมผัสได้ทันทีหลังทำทรัตเม้นต์ Dermalogica ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณมืออาชีพของเราได้รับการฝึกอบรมที่สถาบัน International Dermal Institute (จากอเมริกา) เพื่อให้มีความเป็นมืออาชีพด้านผิวพรรณมากที่สุด และให้การบำบัดผิวเห็นผลลัพธ์อย่างแท้จริง ลูกค้าจำนวนมากพูดคุยเกี่ยวกับการดูแลผิวหน้า ซึ่งทรีทเมนท์ของ Dermalogica มีความแตกต่างที่ชัดเจน ผิวหน้าต้องการการดูแล ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวออกแบบทรีทเมนท์ผิวหน้าโดยเฉพาะสำหรับลูกค้าแต่ละราย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไป

เราเริ่มต้นด้วย การทำแผนที่สภาพผิว (Face Mapping) เพื่อวิเคราะห์ผิวในเชิงลึกและการออกแบบทรีทเมนท์ที่ แตกต่างกัน เพราะผิวของคุณจะแตกต่างกันทุกครั้งที่คุณมารับบริการ สามารถรับบริการทรีทเมนท์ Dermalogica ทุก 4-6 สัปดาห์ หรือช่วงเวลาที่ผิวชั้นนอกหรือชั้นหนังกำพร้าได้หลุดออก

ผลลัพธ์ของการบำบัดผิวด้วยทรีทเมนท์ Dermalogica จะแตกต่างจากทรีทเมนท์อื่นๆ ทั่วไป เพราะเราผลัดเซลล์ผิว ทำความสะอาดผิว 2 ครั้ง กดหรือบีบสิว นวดและมาส์คที่ออกแบบมาเฉพาะ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่าง ผิวของคุณจะเปล่งประกาย กระจ่างใสมากขึ้น ชุ่มชื้น และมีสุขภาพผิวที่ดีที่สุดที่คุณเคยมี


Dermalogica Reawakening facial Treatment


 

เผยผิวกระจ่างใส ลดความหมองคล้ำ ที่เกิดจากสภาพวะแวดล้อม แสงแดด
ลดจุดด่างดำหลังการอักเสบ เสริมสร้างความแข็งแรง

ปรับสีผิวให้เรียบเนียน สม่ำเสมอ
key benefits

1. Reduced dark spots

2. Brighter skin

3. More even skin tone

เพื่อผลลัพธ์สูงสุด สามารถเข้ารับบริการทรีตเมนต์ผิวหน้าได้ทุก 2-4 สัปดาห์ หรือตามปัญหาผิวและความกังวลของคุณ
For maximum results we recommend scheduling 3 sequential skin treatments, every 2 to 4 weeks.


Dermalogica Ultra Calming facial Treatment


 

ทรีตเมนต์สำหรับผิวแพ้ ระคายเคืองง่าย
ช่วยซ่อมแซม และเสริมสร้างความแข็งแรง เป็นเกราะป้องกันผิว
เพิ่มความชุ่มชื้น สดใสป้องกันการอักเสบของผิว
ลดอาการไว ระคายเคือง
Benefits of the UltraCalmingTM treatment

– Reduces inflammation caused by biological processes

– Replenishes the lipid barrier

– Instantly reduces redness and irritation
– Hydrating
เพื่อผลลัพธ์สูงสุด สามารถเข้ารับบริการทรีตเมนต์ผิวหน้าได้ทุก 2-4 สัปดาห์ หรือตามปัญหาผิวและความกังวลของคุณ
For maximum results we recommend scheduling 3 sequential skin treatments, every 2 to 4 weeks.


สูตรพิเศษ ที่ขอแนะนำ คือ Dermalogica Active Clearing


 

แก้ปัญหาสิว รอยสิว จุดด่างดำ สิวอุดตัน โดยขั้นตอนพิเศษ เพื่อรักษาสิวโดยเฉพาะ
ทำความสะอาดผิว Deep Clean
และ โปรแกรมรักษาด้วยตัวยาจาก Dermalogica ช่วยเปิดหัวสิว และ ปลอบประโลมผิวด้วย PostExtractionSolution.

รวมขั้นตอน กดสิว ทรีตเมนต์ตัวยารักษาสิว และ บำรุงผิวสูตรคุณหมอ ที่จบด้านผิวหนังโดยตรง
และ มาส์กลดสิว สูตรเฉพาะของสุภากาญจน์คลินิก
ใช้ผลิตภัณฑ์จาก Dermalogica สูตรรักษาสิว ละลายหัวสิว กดสิว และ ตัวยาปลอบประโลมผิวลดรอยสิว และ สูตรทรีตเมนต์รักษาสิวด้วยเครื่อง ผลักตัวยาพิเศษ สูตรคุณหมอ ที่จะช่วยลดปัญหาสิวที่คุณกังวลอย่างมีประสิทธิภาพ


Dermalogica Eye Lifting Treatment


 

บำรุงใต้ตา ให้อิ่มฟู ยกกระชับรอบดวงตา

นวดเดรนน้ำเหลืองรอบดวงตาด้วยผลิตภัณฑ์จาก Dermalogica

ผสานเครื่องยกกระชับRF รอบดวงตาผลักวิตามินชะรอริ้วรอย
PRO Eye Lifting Treatment

key benefits

  1. Brightens undereye skin
  2. Evens skin tone + texture
  3. Minimizes the appearance of fine lines and wrinkles

FAQ ทรีตเม้นต์ผิวหน้า

ทรีตเมนต์เหมาะกับปัญหาผิวแบบไหนบ้าง

ทรีตเมนต์ที่สุภากาญจน์คลินิก เรามีสูตรตัวยาที่หลากหลาย เหมาะกับการแก้ไขปัญหาผิวทุกสภาพปัญหา ทั้งผิวแห้ง แพ้ ระคายเคือง ฝ้ากระ จุดด่างดำ ลดเลือนริ้วรอยและกระชับผิวเห็นผลดี ตอบโจทย์ทุกสภาพปัญหาผิวของคุณ สามารถปรึกษาคุณหมอก่อนได้ค่ะ ว่าสภาพปัญหาผิวเหมาะกับทรีตเมนต์สูตรใดเป็นพิเศษ ได้ลองแล้วคุณจะหลงรักผิวของคุณมากกว่าเดิมค่ะ

ทำทรีตเมนต์ แล้วจะมีโอกาสแพ้ไหม ผิวแพ้ง่ายทำได้ไหม

ทรีตเมนต์ที่สุภากาญจน์คลินิก ใช้ตัวยาเกรดพรีเมี่ยมที่เน้นเห็นผล และ เหมาะสำหรับผู้มีปัญหาผิวโดยเฉพาะ ผิวแพ้ง่าย ผิวระคายเคืองโดยเฉพาะค่ะ คุณหมอจะประเมินสภาพปัญหาผิวและให้คำแนะนำก่อนเข้ารับบริการทุกเคส หมดกังวลไปได้เลยค่ะ

เห็นผลเมื่อไร ทำได้บ่อยแค่ไหน

เริ่มเห็นความแตกต่างตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ารับบริการ คนไข้ส่วนใหญ่สัมผัสได้ว่าผิวนุ่มขึ้นกระจ่างใส ชุ่มชื้นขึ้นค่ะ และ สามารถทำได้ทุก 1-2 สัปดาห์ หรือ ก่อนไปงานสำคัญ หรือตามความกังวลของสภาพปัญหาผิวของคนไข้ค่ะ

ใช้เวลาในการทำนานแค่ไหน มีขั้นตอนอะไรบ้าง

โดยทั่วไป ใช้เวลาในการรับบริการ 45-60 นาที ขึ้นกับชนิดของทรีตเมนต์ค่ะ ขั้นตอนทรีตเมนต์ของทางคลินิก จะมีเทคนิคเฉพาะในการใช้เครื่องผลักวิตามิน ร่วมกับ เครื่อง Radiofrequency และ Cryotherapy ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะของคลินิกในการนำพาตัวยาให้ซึมลึกสู่ชั้นผิวอย่างอ่อนโยนและรู้สึกสบายผิวหน้ามากๆค่ะ


คำแนะนำหลังทรีตเมนต์ผิวหน้า Facial treatment

ดื่มน้ำมากๆ ประมาณ 1-2 ลิตร ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น และ อุ้มน้ำ

หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ บุหรี่ อาหารแสลง ประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ

ดูแลผิวตามปกติ หลีกเลี่ยงแสงแดดตามปกติ ทาครีมกันแดดSPF30ขึ้นไป

สามารถทำซ้ำได้ทุก 1-2 สัปดาห์ หรือ ก่อนไปงานสำคัญ เพื่อผิวนุ่มกระจ่างใส รูขุมขนกระชับ แต่งหน้าติดดีขึ้น


Gallery

สารอาหารทางเส้นเลือด VITA BOOSTER

ให้วิตามินทางเส้นเลือดดำ เรามีหลายสูตร ที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อให้เหมาะกับปัญหาของคุณ ฟื้นบำรุง ปกป้องผิว ช่วยให้คุณกระจ่างใส มีออร่า, ช่วยลดการทำงานของตับ ดีท็อกซ์,ช่วยลดน้ำหนัก, บำรุงระบบต่างๆของร่างกาย ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ

จุดเด่นของการให้วิตามินทางเส้นเลือด ที่สุภากาญจน์คลินิก

การให้วิตามินทางเส้นเลือดเป็นการบำรุงร่างกาย และ บำรุงสุขภาพ ที่เห็นผลดี ให้ผลเร็วกว่าการรับประทานวิตามินทั่วไป ซึ่งปกติการกินวิตามิน ร่างกายจะดูดซึมได้เพียง 10%
แต่การให้ทางหลอดเลือดดำ จะทำให้ร่างกายนำตัวยาไปใช้ได้เลย 90-100% และที่สำคัญคือตัวยาของทางคลินิก ไม่มีการสะสม วิตามินส่วนใหญ่ที่เลือกนำมาประกอบการรักษาเป็นกลุ่มวิตามินที่ละลายในน้ำ ร่างกายสามารถดูดซึม และ ขับทิ้งส่วนที่เกินออกไปได้ รวมถึงก่อนให้การรักษาคุณหมอจะตรวจ ประเมิน ให้คำแนะนำ และ คุณหมอเป็นผู้ให้การรักษาดูแลทุกเคส มียาชาก่อนให้วิตามินทางเส้นเลือด รวมถึงมียาลดรอยช้ำ และดูแล ติดตามการรักษาอย่างใส่ใจ ใกล้ชิด ตัวยามาตรฐานสูงสุด ไม่แสบ ไม่บวม ไม่ปวด โอกาสแพ้น้อยมาก ทำได้ทุก 1-2 สัปดาห์ หรือ ตามความกังวล หรือตามคำแนะนำของแพทย์ ตัวยานำเข้า จาก ยุโรป และ ญี่ปุ่น เป็นยา Original ของแท้ ผ่านมาตรฐานองค์การอาหารและยา ตรวจสอบได้
อัตราเกิดผลข้างเคียงน้อยแทบไม่มี คลินิก สะอาด ใช้อุปกรณ์ฆ่าเชื้อใหม่ สำหรับทุกเคส
ปลอดภัย มาตรฐานระดับโรงพยาบาล สูตรเฉพาะ ผ่านการคิดค้นจากแพทย์ผู้ชำนาญด้านตจวิทยา(ผิวหนัง) ส่วนใหญ่เป็นวิตามินแบบให้ทางเส้นเลือด ประสิทธิภาพสูง ผลข้างเคียงต่ำ
มีกล่องป้องกันแสงเพื่อคงประสิทธิภาพของวิตามิน ให้ช้าๆ ใช้เวลาประมาณ 25-40 นาที เพื่อให้ไม่มีอาการข้างเคียง VitaBooster จึงเป็นทางลัดของผู้ที่ต้องการดูแลผิวอย่างเร่งด่วนเห็นความแตกต่าง ตั้งแต่ 1-2 ครั้งแรก และ เห็นผลดีเมื่อทำอย่างต่อเนื่อง


FAQ สารอาหารทางเส้นเลือด

ให้วิตามินผิว จะเห็นผลเมื่อไร

คนไข้ส่วนใหญ่จะเริ่มสังเกตเห็นความต่าง รู้สึกว่าผิวใสขึ้น นุ่มลื่นขึ้น ตั้งแต่ 1-2 ครั้งแรกค่ะ โดยขึ้นกับตัวยาแต่ละสูตร สภาพผิว การดูแลตัวเอง ซึ่งคุณหมอจะประเมิน และให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ก่อนให้วิตามิน ค่ะ

รู้สึกอย่างไร ในระหว่างที่ทำ Vita Booster

โดยทั่วไป ไม่มีอาการปวดหรือแสบ ระหว่าง ให้วิตามินเลยค่ะ เพราะทางคลินิกเราใช้เป็นยาเกรดพรีเมี่ยมจากยุโรปและญี่ปุ่น ซึ่งผ่านมาตรฐานองค์การอาหารและยา ค่ะ แต่สำหรับ คนไข้ส่วนน้อย ที่ไม่เคยให้วิตามินทางเส้นเลือดมาก่อน หรือ มารับบริการในช่วงเวลาท้องว่าง อาจมีอาการคลื่นไส้ได้เล็กน้อย จากกลิ่นของยาขณะที่ให้วิตามินค่ะ ซึ่งทางคลินิกมีการดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ต้องกังวลค่ะ

เห็นผลเมื่อไร

คนไข้ส่วนใหญ่จะเริ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่1-2ครั้งแรกค่ะ จะสังเกตได้ว่าผิวใส อมชมพู เรียบเนียน นุ่มลื่นขึ้น ซึ่งผลลัพธ์แตกต่างกันออกไป ตามสภาพผิว การดูแลของคนไข้ การตอบสนองของยาความเข้มข้นของสูตรวิตามินมีผลต่อการลดการสร้างเม็ดสีของแต่ละบุคคลค่ะ ซึ่งหากคุณลูกค้า ต้องการ เปลี่ยนเฉดสีผิว แนะนำ สูตรยอดนิยมของทางคลินิก Ultra Bright หรือ Star Bright 3-5 ครั้ง ขึ้นไปค่ะ

หยุดให้แล้วจะดำ หรือ ไวต่อแดดไหม

หลังหยุดให้วิตามิน ไม่ได้ทำให้คล้ำขึ้น และ ผิวจะไม่ไวต่อแดดเลยค่ะ เพราะตัวยาของเราเป็นยามาตรฐาน แต่ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของเราด้วยค่ะ แนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงการออกแดดจัด ร่วมกับทาครีมกันแดดสม่ำเสมอเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ

Vita Booster ใช้เวลานานไหม

ปกติใช้เวลาประมาณ 15-30 นาทีค่ะ

มีผลข้างเคียงไหม อันตรายกับตับไต ไหม

ส่วนใหญ่เป็นวิตามินที่ร่างกายต้องการ ในปริมาณพอเหมาะค่ะ ไม่เป็นอันตรายค่ะ เพราะ ยาไม่สะสม เป็นวิตามินที่ร่างกายต้องการ และ ร่างกายสามารถกำจัดออกได้เองถ้าเกินเกณฑ์ที่ร่างกายกำหนด ซึ่งโดสยาคุณหมอให้ตามมาตรฐาน ไม่เกินขนาดแน่นอนค่ะ

ต้องให้วิตามินผิวบ่อยแค่ไหน

สามารถทำบ่อยได้ทุก 1-2 สัปดาห์ หรือ เมื่อมีความกังวล คอร์สที่แนะนำ เห็นผลเต็มที่ ประมาณ 5 ครั้ง ห่างกันทุก 1 สัปดาห์ค่ะ

ทำไมต้องให้วิตามินผิวที่ สุภากาญจน์คลินิก ?

ดูแลผิวสวยที่ สุภากาญจน์ คลินิก ตัวยาคุณภาพสูง เห็นผลดีอย่างเป็นธรรมชาติ ตัวยา และ ขนาดยา มาตรฐาน วิตามินหลายตัว เกรดพรีเมี่ยม ทำให้ผลลัพธ์ดีเยี่ยม คนไข้บอกต่อ และ มาให้วิตามินต่อเนื่องซ้ำ เพราะผลลัพธ์ชัดเจน จนคนรอบข้างทัก ช่วยลดรอยดำจากแดด ผิวหมองคล้ำ แห้ง ให้ชุ่มชื้น สดใส ด้วยมัลติวิตามิน สูตรเข้มข้น สูตรเฉพาะของทางคลินิก พร้อม ล้างสารพิษตกค้าง ตัวเจ้าปัญหาที่ทำให้ผิวคุณเสีย ช่วยฟื้นฟู ปรับสภาพผิว เสริมสร้างเซลล์ผิวให้แข็งแรง พร้อมต่อต้านแสงแดดและอนุมูลอิสระจากมลภาวะ ยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลลานินทั่วเรือนร่าง คุณหมอดรอลยาให้เองทุกเคส มั่นใจในคุณภาพ รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงค่ะ


คำแนะนำหลังให้วิตามินผิว VITA BOOSTER

ดื่มน้ำมากๆ ประมาณ 1-2 ลิตร ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น และ อุ้มน้ำ

หากท้องว่าง หรือ ไม่เคยให้วิตามินทางเส้นเลือด บางท่าน อาจรู้สึกผะอืดผะอมเล็กน้อย หรือรู้สึกมีไข้ต่ำๆ จากกลิ่นยาที่ขึ้นจมูกได้แนะนำ ดื่มน้ำตามมากๆ อาการจะค่อยๆดีขึ้นหลังให้วิตามิน 12-24 ชั่วโมงค่ะ

หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ บุหรี่ อาหารแสลง ประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ

ดูแลผิวตามปกติ หลีกเลี่ยงแสงแดดตามปกติ ทาครีมกันแดดSPF30ขึ้นไป


Gallery

เลเซอร์มาตรฐานอเมริกา

มั่นใจ เห็นผล และ แนะนำที่เหมาะกับคุณ ให้การดูแลโดยคุณหมอด้านผิวหนังทุกเคส
ที่สุภากาญจน์คลินิก ให้การรักษาด้วยเลเซอร์มาตรฐานสากล การันตีคุณภาพที่ดีที่สุด ด้วยมาตรฐานจากองค์การอาหารและยา ระดับโลก และ US FDA ที่มีงานวิจัยรองรับ ว่าให้ผลลัพธ์ในการรักษาที่มีประสิทธิภาพ เรามีเครื่องเลเซฮร์มาตรฐานสูงหลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ปัญหาผิวของคุณ ทั้งเลเซอร์ยกกระชับ เลเซอร์กำจัดเม็ดสี เลเซอร์หลุมสิว เลเซอร์กระชับสัดส่วน และ เลเซอร์กำจัดขน ได้ผลดี คุ้มค่า เพราะเราเลือกสิ่งที่ดีที่สุดมาเพื่อแก้ปัญหาของคุณโดยเฉพาะ

จุดเด่นที่ใครๆก็หลงรักผิว มากขึ้น
หลังจากได้มา เลเซอร์ กับ คุณหมอส้ม ที่ สุภากาญจน์คลินิก

คุณหมอตรวจและให้คำแนะนำก่อนการรักษา ไม่มีเซลล์หน้าร้าน เพื่อแนะนำโปรแกรมที่เหมาะกับคุณจริงๆ

คุณหมอจบด้านนี้โดยตรง และ คุณหมอดูแล ยิงเลเซอร์เองทุกเคส
เทคนิคการยิง ปรับตามสภาพผิวและปัญหาผิว ยิงไม่จำกัดช้อต และ เน้นทุกบริเวณที่คุณกังวล

คุณหมอ อัพเดท งานวิจัย และ เครื่องเลเซอร์ใหม่ๆ ตลอด เพื่อมองหาทางเลือกที่ดีที่สุดให้กับคนไข้เสมอ
เลเซอร์ทุกตัว ใช้เครื่องมาตรฐานสูงสุด (US-FDA Approved) ที่มีงานวิจัยรองรับว่าเห็นผลชัด

คุณหมอติดตามอาการ ดูแลต่อเนื่อง เพื่อผลลัพธ์ในการรักษา การันตีด้วยรีวิวผลการรักษาจากผู้เข้ารับบริการจริง

เรามีเลเซอร์มาตรฐาน ที่ตอบโจทย์ครอบคลุมทุกปัญหาผิว ทุกเครื่องมั่นใจได้ว่าคัดมาแล้วว่าเห็นผลดี มีงานวิจัยรองรับ และ ดูแลโดยคุณหมอที่จบด้านผิวหนังโดยตรงทุกเคส

เลเซอร์ ยกกระชับ ปรับรูปหน้า กระตุ้นคอลลาเจน
(
อยากให้ มีลิงค์แยก สำหรับเลเซอร์เครื่องหลักๆ 3เครื่องแรก / รอเขียน content อัพเดท)
– NEW ! Ultherapy (US FDA)
– Thermage (US FDA)

– Centerless HIFU V-Booster (UTIMs) (KFDA,Thai FDA)
– FORMA Inmode (US FDA)

เลเซอร์ หน้าใส ลดรอยสิว กระชับรูขุมขน
– Lumecca SR (US FDA)

เลเซอร์ รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ กระชับรูขุมขน
– Hellios-III Q-Switch Laser (US FDA, KFDA, Thai FDA)

เลเซอร์กระชับสัดส่วน ลดไขมัน
– BodyFx (US FDA)

เลเซอร์กำจัดขน
– Lumecca HR (US FDA)
– DIODERM Bright & Bare Program (US FDA)

เลเซอร์หลุมสิว
– FRACTORA (US FDA)

เลเซอร์กำจัดไฝ หูด ติ่งเนื้อ
– CO2 Laser

เลเซอร์ ฆ่าเชื้อสิว ลดรอย ลดบวมช้ำ
– Plasma Relieve Program
ฆ่าเชื้อสิวด้วยพลาสมา
– Photodynamic Therapy (LLLT)


Ultherapy SPT (US FDA)


Ultherapy(อัลเทอร่า) คือ เทคโนโลยียกกระชับที่มีงานวิจัยรองรับ และ ทันสมัยจากสหรัฐอเมริกา สามารถช่วยแก้ไขปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย มีริ้วรอย โดยสามารถดึงกระชับผิวหน้า ( Non-surgical Face lifting ) บริเวณผิวหน้าและคอ โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่เสียเวลาในการพักฟื้น พร้อมทั้งเห็นผลดี และ ไม่ต้องทำบ่อย

หลักการทำงานของเครื่อง Ulthera คือการใช้พลังงานที่สูงแบบเฉพาะเจาะจง (High Intensity Focused Ultrasound) ซึ่งเป็นพลังงานเดียวกับเวลาเราไปฝากครรภ์ ปลอดภัยมาก โดยพลังงานจะยิงส่งไปยังใต้ผิว เพื่อให้เกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวกระชับและช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยของผิว เช่น ร่องแก้ม หนังตาตก ผิวลำคอหย่อนคล้อย เหนียงสองชั้น เป็นต้น

ไม่ว่าจะอายุเท่าไร แต่ความอ่อนเยาว์จะไม่มีวันถูกพรากไป ถ้าเราเริ่มดูแลผิวหน้าตัวเองอย่างดีตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งนวัตกรรม ‘Ultherapy First’ เป็นหนึ่งในนวัตกรรมความงาม ที่ถูกพูดถึงอยู่บ่อยๆ และเหล่าดารา เซเลบริตี้หลายคนก็เลือกใช้บริการนี้ ซึ่งเป็นเครื่องยกกระชับที่ได้มาตรฐานสูงสุด การันตีด้วย US-FDA Approved

       เป็นนวัตกรรมยกกระชับใบหน้าที่ตอบโจทย์ทุกวัย สามารถคงความอ่อนเยาว์ เพราะเมื่ออายุเริ่มเข้าเลขสองประมาณ 25+ ขึ้นไป พบว่าคอลลาเจนใต้ชั้นผิวจะเริ่มลดจำนวนลงเรื่อยๆ เมื่อคอลลาเจนถูกพรากไป พวกริ้วรอย ความหย่อนคล้อย เหนียง กรอบหน้าไม่ชัด ก็เข้ามาแทนที่ ความยืดหยุ่นของผิวลดลง และปัญหาผิวต่างๆ ทั้งรูขุมขนกว้าง ผิวหมองคล้ำ ฯลฯ ล้วนทำให้ดูแก่ก่อนวัยทั้งนั้น วันนี้จึงจะมาแชร์ความต่างคอร์สตัวช่วยดูแลผิวหน้าด้วย Ultherapy First ในแต่ละช่วงวัยกัน

ช่วงอายุ 20 +

       คนหนุ่มสาววัยนี้ต้องการมีผิวสุขภาพดี กรอบหน้าคมชัด Ultherapy First คอร์สปรับปรุงผิวจะเข้ามาช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ให้ผิวเรียบเนียน รูขุมขนเล็กลง ส่วนคอร์สกรอบหน้า จะช่วยปรับให้ใบหน้ากระชับ กรอบหน้าคมชัดเป๊ะขึ้นไปอีก

ช่วงอายุ 30 +

       ช่วงอายุนี้ส่วนใหญ่เป็นวัยทำงาน ที่ต้องการดูดีเสมอ และคงความอ่อนเยาว์เอาไว้ และรู้สึกว่าตัวเองยังไม่แก่ ไม่อยากพบเจอความหย่อนคล้อย แต่ในบางคนก็ดันเจอก่อนวัย ฉะนั้น Ultherapy First คอร์สทั่วใบหน้าและเน้นรอบดวงตาจะมาช่วยแก้ปัญหาผิวรอบดวงตาดูสดใสเปล่งประกายกรอบหน้าก็ยกกระชับเต่งตึงและผิวเนียนละเอียดขึ้น

ช่วงอายุ 40 +

       พอเริ่มเข้าเลขสี่ความกังวลกลัวแก่ก่อนวัยยิ่งทวีคูณ คนวัยนี้จึงต้องการตัวช่วยคืนความอ่อนวัย และผิวหน้าและลำคอที่ยังคงเต่งตึง ไร้รอยเหี่ยวย่นและเหนียง แน่นอนว่า Ultherapy First ที่เหมาะกับช่วงวัยนี้คือ คอร์สดูแลใบหน้าและลำคอ ที่จะเข้ามาฟื้นฟูผิวทั่วทั้งใบหน้าและลำคอให้ยกกระชับ เรียบเนียน พร้อมๆ กับดูแลผิวอิ่มฟูดูอ่อนเยาว์ที่สุภากาญจน์คลินิก เราดูแลคุณด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เห็นผล

-เครื่อง Ultherapy รุ่นใหม่ล่าสุดผลลัพธ์ดีที่สุด

ผู้รับบริการทุกเคส จะได้รับ Certificate

ที่ออกโดย บริษัท​ MERZ (ผู้ดูแลแต่เพียงผู้เดียว) โดยตรง

ว่าได้เข้ารับบริการยกกระชับระดับโลก ที่เห็นผลชัดเจน

ไม่เจ็บเท่าที่คิดเรามีเทคนิคและยาชาที่เหมาะกับผิวคุณ

ยิงจนยก ใส่ใจทุกเคส ตรวจและให้คำแนะนำที่ตรงจุด

เทคนิคการยิงปรับให้เหมาะกับผิวคุณดูแลด้วยคุณหมอมีประสบการณ์สูง

ด้านการยกกระชับกว่าหลายพันเคส และ ได้รับการเทรนนิ่งจากหลายสถาบันชั้นนำ และ Ultherapy โดยตรง

ดาราและนักแสดง หลายท่าน ไว้วางใจเข้ารับบริการต่อเนื่อง

คำถามที่พบบ่อย

รวมทุกนวัตกรรมยกกระชับ ฉบับแบบละเอียด แบบไหนเหมาะกับคุณ​

วิธีเช็คเครื่อง ULTHERAPY แท้ ใหม่ล่าสุด

ทำไมต้องทำ ULTHERAPY ที่ สุภากาญจน์คลินิก และ ควรใช้จำนวนไลน์เท่าไรดี

ทำไม ULTHERAPY แต่ละที่ราคาแตกต่างกัน

Sculptra VS Ultherapy แตกต่างกันยังไง อันไหนเหมาะกับเรา


Thermage


Thermage คือ เทคโนโลยีกระชับผิวที่ใช้คลื่นวิทยุความถี่สูง (Radio Frequency หรือ RF) โดยใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า (Monopolar Capacitive Radiofrequency : CRF) ซึ่งปลอดภัยในการรักษาสูง เป็นเคริ่องยกกระชับมาตรฐานอเมริกาที่มีงานวิจัยรองรับมากมาย โดยความร้อนจะลงลึกไปในชั้นผิว จนถึงชั้นไขมันและCollagen ส่งผลให้Collagenกลับมามีความยืดหยุ่นพร้อมกระตุ้นให้เกิดการสร้างCollagenใหม่ทำให้เกิดความยืดหยุ่นที่มากขึ้น ยกกระชับผิวได้อย่างต่อเนื่อง ลดริ้วรอยที่เกิดขึ้นได้ซึ่งเหมาะกับผู้มีไขมันบริเวณหน้าเยอะ ต้องการยกกระชับ ลดเลือนริ้วรอย หรือ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของผิวให้กระชับขึ้นทั้งใบหน้าและลำตัว

เทอร์มาจช่วยแก้ปัญหาอะไร บนใบหน้าบ้าง

1. ช่วยยกกระชับใบหน้าที่หย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่ชัด มีเนื้อส่วนเกินแนวขอบกรามเยอะ แต่ยังไม่อยากผ่าตัดดึงหน้า

2. เห็นผลทันที และ ไม่ต้องการทำหัตถการที่ต้องมีการพักฟื้น

3. เหมาะกับคนที่ใบหน้ามีเนื้อแก้มเยอะหรือมีเหนียง

4. เหมาะกับคนที่ต้องการยกกระชับ ยกเปลือกตา แก้หนังตาตก ต้องการยกคิ้ว ลดถุงใต้ตา

5. เหมาะกับคนที่ มีร่องหรือริ้วรอยในระยะเริ่มต้น เช่น ร่องน้ำหมาก ร่องแก้ม แต่ยังไม่อยากฉีดสารเติมเต็ม

6. เหมาะกับคนที่อยากย้อนอายุผิวให้เด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติคนที่ต้องการเสริมสร้างคอลลาเจนให้ผิวหน้าเพิ่มมากขึ้น

เทอร์มาจ ช่วยแก้ไขปัญหาผิวตัวได้ด้วย
นอกจากช่วยยกกระชับใบหน้าแล้ว ยังสามารถทำท้องที่หย่อนคล้อย ผิวแตกลาย โดยเฉพาะหลังคลอดบุตร หรือ หลังลดน้ำหนัก หรือ สามารถทำต้นขา ต้นแขน สะโพก ไขมันส่วนเกินบริเวณปีก เอวและส่วนอื่นๆของร่างกายเพื่อทำให้กระชับ และผิวเรียบเนียนขึ้น

ผลลัพธ์ที่ได้และระยะเวลา
ช่วยยกกระชับใบหน้าและลดเลือนริ้วรอย โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีบาดแผล ทำให้ยกกระชับผิวหนังหย่อนคล้อยของใบหน้า คอ ตลอดจนถึงบริเวณหน้าท้อง ต้นแขน หรือก้น ช่วยให้รูปหน้าเรียวเล็ก ได้สัดส่วน ลดร่องแก้ม แก้ไขแก้มหย่อนคล้อย ช่วยให้ปัญหาไขมันสะสมถูกกำจัดไป ลดเหนียง ลดถุงใต้ตา ริ้วรอยรอบดวงตาและเปลือกตาลดลง ทำให้ดูอ่อนกว่าวัยขึ้น ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้ผิวหนัง พร้อมคงความอ่อนเยาว์ให้ผิวเนียนนุ่ม สามารถทำได้ทุกสีผิว โดยหลังทำไม่ต้องคอยหลบเลี่ยงแสงแดด

ระยะเวลาในการทำเทอร์มาจ นานไหม
Thermage ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชม.

เจ็บไหม
เทอร์มาจรุ่นใหม่ เป็นหัวแบบ total tip ลงได้ลึก และ มีระบบ cooling ปกป้องผิวด้านบนด้วยความเย็นไครโอเจน พลังงานจะค่อยๆปล่อยออกมาพร้อมกับปล่อยความเย็นออกมาเป็นระยะๆ ในขณะที่ส่งความร้อนไปยังผิวชั้นลึก จึงรู้สึกสบายขณะทำมากขึ้น และ มีระบบสั่น (Vibration) ช่วยลดความเจ็บทำให้คนไข้รู้สึกสบายขณะทำ

อยู่ได้นานแค่ไหน
เห็นผลได้ทันทีหลังทำและเห็นชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆหลังร่างกายมีการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเต็มที่ ในระยะเวลา2-3เดือน หลังทำไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตได้ปกติ และ แต่งหน้าได้ตามปกติ ไม่มีบวม ปวด ผลของการทำ Thermage จะอยู่ได้ประมาณ1-2ปีขึ้นกับปัจจัยของแต่ละบุคคล เช่น อายุ และ การดูแลตัวเองของแต่ละเคส  และ สามารถทำซ้ำได้

ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้จากการทำเทอร์มาจ

1. แดงเล็กน้อยหลังทำ เทอร์มาจเป็นการใช้พลังงานคลื่นวิทยุ ทำให้เกิดความร้อนใต้ผิว อาจมีอาการแดงเรื่อๆหลังทำได้ค่ะอาการแดง จะหายได้หลังทำ ภายใน 2-4 ชั่วโมงค่ะ

2. อาการบวม พบได้บ้าง อาการจะค่อยๆดีขึ้น ไม่เกิน 24 ชั่วโมงค่ะ สามารถประคบเย็น หรือทานยาลดปวด กลุ่มพาราเซตามอลได้ค่ะ ไม่ต้องพักฟื้น วันต่อมาสามารถไปทำงานได้ตามปกติค่ะ

3. Burn ผิวไหม้ ปกติจะไม่เกิดขึ้น หากผิวของคนไข้ไม่บาง และ ได้รับการดูแลที่เหมาะสม โดยทั่วไปคุณหมอจะประเมินร่วมกับคนไข้ค่ะ และให้การดูแลรักษาอย่างใกล้ชิดค่ะ

เทอมาจมีเครื่องปลอมด้วยไหม จะดูอย่างไร
เทอร์มาจ จะเป็นเครื่องที่มีลิขสิทธิ์เฉพาะจากอเมริกา และหัว tip จะใช้กับคนไข้เพียงเคสเดียว ภายใน 4 ชั่วโมง และหัวจะหมดอายุ ต้องทิ้งไปค่ะ ซึ่งเฉพาะตัวหัว Tip มีลิขสิทธิ์เฉพาะและราคาค่อนข้างสูงหลักหมื่น ดังนั้น หากมีการลอกเลียนแบบในราคาหลักพัน ก็สามารถประเมินได้ค่ะว่าอาจจะไม่ใช่เครื่องแท้ นอกจากนี้ ยังสามารถตรวจสอบ Certification of Authenthic ของเครื่อง ที่สถานพยาบาลได้เลยค่ะ ว่าได้รับการรับรอง อย่างถูกต้อง และ เป็นเครื่องแท้ เพื่อความปลอดภัยและเห็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ




Forma / Plus
For Facial /Body Non-Ablative Skin Tightening


Forma / Plus คืออะไร
Forma และ Plus Handpiece เป็น Applicator ของเครื่อง Inmode RF ถูกออกแบบให้มีการปล่อยคลื่นความถี่วิทยุออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยในเรื่องของการกระชับผิว (Skin Tightening) สามารถใช้ได้กับทุก Skin type

โดยผลหลังการรักษาก่อให้เกิด Triple Clinical Effect ได้แก่
Immediate Skin Tightening : มีการยกกระชับผิวทันทีหลังทำการรักษา
Long term Tightening by Collagen Remodeling:
จากกระบวนการจัดเรียงตัวใหม่ของคอลลาเจน ทำให้ได้ผลของการกระชับผิวหลังทำการรักษาในระยะยาว
Smoothing Dermal-fat junction :
ได้ความเรียบเนียนของรอยต่อระหว่างชั้นผิวแท้และชั้นไขมันใต้ผิว

ใครที่ควรรักษาด้วย Forma/Plus?
Forma ผู้ที่ต้องการกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ กระชับผิวหน้า ลดเลือนริ้วรอย ใช้บริเวณใบหน้า และ ลำคอ
Plus ผู้ที่มีปัญหาเซลลูไลท์ หรือไขมันส่วนเกิน ต้องการลดสัดส่วน กระชับผิว สลายไขมันสลายเซลลูไลท์ และต้องการกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่เพื่อให้ผิวมีความแข็งแรงและยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น ใช้บริเวณลำตัว เช่น หน้าท้อง ต้นขา ต้นแขน และบริเวณที่มีไขมันส่วนเกิน

การรักษาด้วย Forma/Plus ปลอดภัยหรือไม่ ?
การรักษาด้วย Forma/Plus เป็นการรักษาที่มีความปลอดภัย ไม่มีการผ่าตัด ไม่มีแผลหลังทำการรักษา สามารถทำการรักษาได้ทุกสีผิว สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ 

ผลการรักษาที่คาดว่าจะได้รับจากการรักษา Forma/Plus ?
Forma หลังทำการรักษา พบว่าผิวกระชับขึ้นทันทีหลังทำการรักษา ริ้วรอยเล็ก (Fine line) ตื้นขึ้น คุณภาพผิว (Skin quality) ดีขึ้น ผิวมีความแข็งแรงและเรียบเนียนขึ้น
Plus หลังทำการรักษา พบว่าผิวกระชับขึ้นทันทีหลังทำการรักษา สัดส่วนลดลง เซลลูไลท์ลดลง เรียบเนียนขึ้น สามารถสังเกตผลการรักษาได้ชัดเจนประมาณครั้งที่ 3-4

ต้องทำการรักษาบ่อยแค่ไหน ?
ทำการรักษาต่อเนื่องกัน คอร์สละ 6 – 8 ครั้ง สัปดาห์ละครั้ง และสามารถกลับมาทำซ้ำเมื่อทำครบคอร์สแล้วเพื่อคงผลการรักษา (Maintain) หลังจากนั้น 1-3 เดือน นอกจากนี้สามารถใช้ Forma เพื่อคงผลการรักษาหลังทำ Fractora และสามารถใช้ Plus เพื่อคงผลการรักษาหลังทำ BodyFx หรือ BodyTite ร่วมด้วยได้

ขณะทำการรักษาเจ็บหรือไม่ ?
ขณะทำการรักษาด้วย Forma / Plus  จะไม่เจ็บ รู้สึกอุ่นๆ สบายขณะทำการรักษา

หลังเสร็จแล้วจะเป็นอย่างไร ?
ผิวจะแดงขึ้นหรือชมพูระเรื่อจากความร้อนและจะรู้สึกอุ่นๆใต้ผิวสักระยะสามารถกลับไปทำกิจกรรมตามปกติได้ทันที และพบว่าหลังทำการรักษาผิวตึงกระชับ เรียบเนียนขึ้น และสัดส่วนลดลง

การดูแลตัวเองหลังการรักษา ?
หลังทำการรักษาควรทามอยเจอร์ไรเซอร์เพื่อบำรุงและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว หลีกเลี่ยงอบไอน้ำ Steam Sauna 1-2 วัน และแนะนำให้ดื่มน้ำมากๆ วันละประมาณ 8-10 แก้ว เพื่อช่วยในเรื่องของการขับของเสียออกไปตามธรรมชาติ

ผลการรักษาจะอยู่ยาวขนาดไหน ?
ผลการรักษาจะอยู่ได้นานหรือไม่ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเอง ถ้าหากมีการควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย โอกาสที่เซลลูไลท์หรือการสะสมไขมันส่วนเกินก็จะกลับมาช้าลงกว่าปกติ


HIFU คืออะไร


HIFU หรือ High Intensity Focus Ultrasound เป็นการใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์ความเข้มข้นสูง โดยส่งเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อในชั้นผิวหนังระดับลึกถึงชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ทำให้ผิวหนังในชั้น SMAS หดตัว คล้ายกับการเย็บที่เนื้อ เพื่อทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนหรือสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ซึ่งเป็นการดึงหน้าที่ส่งผลให้ผิวดูยกกระชับและอ่อนเยาว์มากขึ้น

HIFU เหมาะกับใคร
ผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้า กรอบหน้า หรือ ยกบริเวณคิ้วขึ้น
ผู้ที่ต้องการลดเหนียงใต้คาง เก็บกรอบหน้าให้เรียว กระชับขึ้น
ผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยตื้นๆ
ผู้ที่ต้องการความยกกระชับ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

ข้อดีของการทำ HIFU คืออะไร
HIFU เป็นเทคโนโลยีที่ไม่ต้องพักผื้น เห็นผลทันที และผลลัพธ์จะดีขึ้นเรื่อยๆ จากการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

HIFU เห็นผลเมื่อไร
HIFU เป็นเทคโนโลยีในการยกกระชับซึ่งโดยทั่วไปจะเห็นผลหลังทำทันที โดยคุณหมอจะเปรียบเทียบให้ดู ทีละข้างหลังการรักษาทันที และ ผลลัพธ์จะค่อยๆดีขึ้น หลังร่างกายมีการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเต็มที่ ประมาณ 1-3 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวหลังการใช้บริการ และสภาพผิวของแต่ละคน

HIFU อยู่ได้นานแค่ไหน
HIFU คือ การดูแลผิว ให้มีการสร้างคอลลาเจนมากขึ้น ซึ่งจะเห็นผลเต็มที่ประมาณ 3-6 เดือน ผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนาน ไม่มีเสื่อมฤทธิ์ แต่สามารถทำซ้ำได้ทุก 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวหลังการใช้บริการ และสภาพผิวของแต่ละคน

Centerless HIFU V-Booster คืออะไร
Centerless HIFU ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ ใช้เทคโนโลยีเฉพาะในการออกแบบหัว cartridge ให้ลงพลังงานแบบกระจาย ทำให้ไม่เจ็บขณะที่รับการรักษา แต่ได้พลังงานที่สูงและลงได้ลึกถึงชั้นSMAS โดยไม่ทำลายชั้นผิวด้านบน

HIFU ที่สุภากาญจน์คลินิก แตกต่างจากที่อื่นอย่างไร
ข้อดี ของ Centerless HIFU ที่สุภากาญจน์คลินิก ดูรายละเอียดเปรียบเทียบได้จากภาพ

HIFU ควรใช้จำนวน Shot เท่าไร ทำไมแต่ละที่จำนวนแตกต่างกัน ?
จำนวนShot ของการทำHIFU จะไม่สามารถเปรียบเทียบข้ามยี่ห้อของเครื่องได้ เนื่องจากประสิทธิภาพของเครื่องHIFU แต่ละยี่ห้อนั้น แตกต่างกันตามที่มาของเครื่อง รวมถึง พลังงาน ความเสถียรของเครื่อง ก็เป็นตัวกำหนดประสิทธิภาพ และ ผลลัพธ์ของการรักษาเช่นกัน ดังนั้น ผู้เข้ารับบริการของพิจารณาถึงมาตรฐานของเครื่อง แพทย์ผู้ทำการรักษา มาตรฐานของสถานพยาบาลด้วยค่ะ

แน่นอนว่าที่สุภากาญจน์คลินิกของเรา ใช้เครื่องมาตรฐาน ตรวจสอบได้ และคุณหมอมีประสบการณ์ในการดูแลคนไข้อย่างดี เห็นผลลัพธ์และความแตกต่างตั้งแต่ครั้งแรกค่ะ

 


LUMECCA TM

เป็นเลเซอร์ลำแสงความเข้มข้นสูงเพื่อผิวหน้ากระจ่างใส (Photorejuvenation) เส้นเลือด (Vascular lesions)   เม็ดสีที่ผิดปรกติ (Pigmented lesions) LUMECCA มีความยาวคลื่น 580-1200 นาโนเมตร  ขนาดพื้นที่หน้าตัด 10 x 30 มิลลิเมตร มีระบบทำความเย็นที่หัวยิงเพื่อปกป้องผิวขณะทำการรักษา  LUMECCATM เลือกใช้ Lamp ชนิดพิเศษที่ทำให้พลังงานส่วนใหญ่ออกมาในช่วงความยาวคลื่น 500-600 นาโนเมตร ซึ่งสูงกว่า IPL ทั่วไป 3 เท่า ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกาว่ามีประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการรักษา ใช้ได้ดีกับรอยแดง รอยสิว รอยดำ รอยแดง หรือใช้กระตุ้นคอลลาเจน ลดรูขุมขน หน้าใส เห็นผลดี ภายใน 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องพักฟื้น


HELIOS III
New Innovative 4th Generation Technology

เครื่อง HELIOS III เป็นเครื่องเลเซอร์ชนิดQ-Switched Nd:YAG จากประเทศเกาหลี ที่พัฒนาเทคโนโลยีการปล่อยพลังงานรูปแบบใหม่ ที่เรียกว่า Real Twin Pulse Mode หรือ RTP Mode และเทคโนโลยี “Fractional Q-Switched Nd:YAG” ที่สามารถผลิตแสงเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 532 และ 1064 นาโนเมตร ที่มีความแม่นยำ ปลอดภัย และการปล่อยพลังงานที่มีความเสถียรมากขึ้น เป็นเลเซอร์ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับการรักษาความผิดปกติของเม็ดสีใต้ผิวทั้งชั้นตื้นและลึก เครื่อง HELIOS III เป็นเครื่องที่ได้รับการพัฒนาเทคโนโลยี“Fractional Q-Switched Nd:YAG”ล่าสุด โดยได้นำเทคโนโลยีFractional532nmมาใช้ใน Q-Switched Nd:YAG Laser ซึ่งทำให้เครื่อง Helios III เป็นเครื่องแรกและเครื่องเดียวในตลาดที่ประกอบด้วย เทคโนโลยี Fractional Q-Switched Nd:YAG Laser สองชนิดความยาวคลื่นของเลเซอร์ คือ  “Fractional 532 nm” และ “Fractional 1064 nm” ข้อดีของ Fractional Q-Switched Nd:YAG Laser คือ ให้ประสิทธิภาพการรักษาที่สูงขึ้น ลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงที่อาจเกิดตามมาภายหลังการรักษา (เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีQ-Switched Nd:YAG เดิม )

เหตุผลที่ควรเลือกเข้ารับการรักษาด้วยเครื่อง HELIOS III
HELIOS III เป็นเครื่องเลเซอร์ที่ได้รับการพัฒนาเทคโนโลยีการปล่อยพลังงานรูปแบบใหม่ให้มีพลังงานสูงขึ้นและมีความเสถียรเพิ่มมากขึ้นและด้วยการใช้เทคโนโลยีของเลนส์ขั้นสูง ซึ่งทำให้ลำแสงเลเซอร์ปล่อยพลังงานออกมาเท่ากันทั่วทั้งพื้นที่หน้าตัดของลำแสง (Homogeneous beam profile) จึงไม่ทำให้เกิดจุดเลือดออก (Pin point Bleeding) ส่งผลให้เพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาดีขึ้น ลดการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น รอยดำ (Post-Inflammatory Hyper-pigmentation) รอยขาว (Hypo-pigmentation) และยังช่วยลด Downtime หลังการรักษา นอกจากนั้นเครื่อง HELIOS III ยังเพิ่ม Real Twin Pulse Mode เพื่อให้สามารถรักษารอยโรคของเม็ดสีที่อยู่ลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น โดยที่ไม่ทำให้เกิดการทำลายผิวชั้นบน

HELIOS III รักษาอะไรได้บ้าง

ลบรอยสัก(Tattoo)สีเข้ม  เช่น สีดำ สีน้ำเงิน สีน้ำตาลเข้ม สีเขียวเข้ม และสีแดง
ฝ้า(Melasma)
ปานโอตะ(Nevus of Ota)
จุดด่างดำ(Brown Spot)
กระ(Freckle, Lentigines)
กระเนื้อ(Seborrheic Keratosis)
ปานสีน้ำตาล(Caf’e-Au-Lait Spot )
ปากชมพู หัวนมชมพู
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน(Toning)

ความรู้สึกขณะเข้ารับการรักษาด้วยเครื่อง HELIOS III
ขณะรับการรักษาจะรู้สึกเพียงอุ่น และจะรู้สึกคล้ายโดนดีดเบา ในบริเวณที่มีความหนาแน่นของเม็ดสีใต้ผิว

ควรเข้ารับการรักษาบ่อยครั้งแค่ไหน
จำนวนครั้งของการรักษาขึ้นอยู่กับรอยโรคและการประเมินจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งความถี่ของการเข้ารับการรักษาในแต่ละครั้งควรห่างกันอย่างน้อย 4-6 สัปดาห์

การดูแลผิวหลังรับการรักษาด้วย HELIOS III

ภายหลังการรักษาหากรู้สึกแสบร้อนที่ผิว ควรประคบเย็นไว้ก่อน จนอาการแสบร้อนบรรเทาลง
แนะนำให้ทาครีมบำรุงผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงกว่า 30
ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด หรือกิจกรรมกลางแจ้งอย่างน้อย 2 สัปดาห์ภายหลังเข้ารับการรักษา
หากบริเวณที่ทำการรักษามีสะเก็ดควรทาครีมบำรุงเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น จะช่วยให้สะเก็ดหลุดออกได้ง่ายและเร็วขึ้นและไม่ควรแกะหรือเกาบริเวณที่เป็นสะเก็ด


BodyFX คืออะไร


BodyFx Handpiece ช่วยในเรื่องการสลายไขมัน สลายเซลลูไลท์ ลดเส้นรอบวงและกระชับผิว อาศัยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ที่เรียกว่า Triple  Action ประกอบด้วย 3 ขั้นตอนการทำงานดังนี้
1. Vaccuum
ระบบสุญญากาศ กระตุ้นการทำงานของระบบน้ำเหลืองและระบบไหลเวียนเลือดให้มีการไหลเวียนได้ดีขึ้น
2. Bi- polar RF Power
คลื่นวิทยุความถี่สูง ทำให้เกิดความร้อนที่ผิวบริเวณที่ทำการรักษาช่วยสลายไขมัน สลายเซลล์ลูไลท์ ลดสัดส่วน กระชับผิว
3. Shot pulse RF Power
ช่วยให้เกิดการทำลายเซลล์ไขมัน ให้ฝ่อและตายไปอย่างธรรมชาติ  (Fat Cell Apoptosis)

ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นของ BodyFx Handpiece เมื่อเทียบกับเครื่อง RF แบบอื่น
BodyFx Handpiece ได้พัฒนาให้มีในส่วนของ Shot Pulse RF Power ที่ทำให้เซลล์ไขมันฝ่อและตายไปอย่างธรรมชาติ(Fat Cell Apoptosis) ส่งผลให้จำนวนเซลล์ไขมันลดจำนวนลง ต่างจากเครื่องอื่นที่ทำได้เพียงลดขนาดแต่ไม่ได้ลดจำนวนเซลล์ไขมัน ผลการรักษาด้วย BodyFx Handpiece จึงมีประสิทธิภาพ และ ส่งผลให้การรักษาอยู่ได้นานมากยิ่งขึ้น

ใครที่ควรรักษาด้วย BodyFx Handpiece ?
ผู้ที่มีปัญหาเซลลูไลท์หรือมีไขมันส่วนเกินสะสมอยู่ตามบริเวณต้นขา,สะโพก,หน้าท้องหรือต้นแขน  ต้องการลดสัดส่วน และให้ผิวกระชับขึ้น

การรักษาด้วย BodyFx Handpiece ปลอดภัยหรือไม่ ?
BodyFx Handpiece
ถูกออกแบบและพัฒนากระบวนการทำงานทั้ง 3 ขั้นตอนซึ่งมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน มาทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ จึงให้ผลการรักษาที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งทำให้มีความปลอดภัย ไม่มีการผ่าตัด ไม่มีแผลหลังทำการรักษา ผู้รับบริการสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

ผลการรักษาที่คาดว่าจะได้รับจากการรักษาด้วย BodyFx Handpiece ?
เซลลูไลท์ และสัดส่วนลดลง ผิวเรียบเนียน กระชับขึ้น เพื่อผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพและผลการรักษาให้อยู่ได้นานมากขึ้นแนะนำให้ทำการรักษาครบคอร์ส

ต้องทำการรักษาด้วย BodyFx Handpiece บ่อยแค่ไหน ?
ทำการรักษาสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ทำติดต่อกัน คอร์สละ 6 – 8 ครั้ง และสามารถกลับมาทำซ้ำเมื่อทำครบคอร์สแล้วเพื่อคงผลการรักษา (Maintain) หลังจากนั้น 3-6 เดือน

ขณะทำการรักษาด้วย BodyFx Handpiece เจ็บหรือไม่ ?
ขณะทำการรักษาจะรู้สึกอุ่นๆ ดูดใต้ผิว และรู้สึกเหมือนมีอะไรดีดที่ผิวเล็กน้อย

หลังทำการรักษาเสร็จแล้วจะเป็นอย่างไร ?
หลังทำการรักษาด้วย BodyFx Handpiece สามารถเห็นผลทันทีหลังทำในเรื่องของความกระชับขึ้นของผิว และเริ่มสังเกตเห็นสัดส่วนที่ลดลงอย่างชัดเจนประมาณครั้งที่ 3-4 ส่วนในเรื่องของการทำให้เซลล์ไขมันฝ่อและตายไปอย่างธรรมชาติ(Fat Apoptosis) ต้องใช้เวลา 9-12 สัปดาห์ จึงจะเริ่มเห็นผลการรักษา

ผลการรักษาจะอยู่ยาวนานขนาดไหน ?
ผลการรักษาจะอยู่ได้นานหรือไม่ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเอง ถ้าหากมีการควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย โอกาสที่เซลลูไลท์หรือการสะสมไขมันส่วนเกินก็จะกลับมาช้าลงกว่าปกติ

คำแนะนำหลังทำการรักษา ?
หลังทำการรักษาควรทามอยเจอร์ไรเซอร์เพื่อบำรุงและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวทันที หลีกเลี่ยงอบไอน้ำ Steam sauna 1-2 วัน และแนะนำให้ดื่มน้ำมากๆ วันละประมาณ 8-10 แก้ว เพื่อช่วยในเรื่องของการขับของเสียออกไปทางธรรมชาติ


FRACTORA TM Fractional Technology


กระบวนการ Skin Rejuvenation ได้มีการนำเอาเทคโนโลยีของการใช้แสงและคลื่นความถี่วิทยุนำมาใช้ในการรักษา ความผิดปรกติของเม็ดสี ความผิดปรกติของเส้นเลือด ริ้วรอย รอยแผลเป็นและผิวที่หย่อนคล้อย แต่ข้อจำกัดของ Non-ablative treatment คือต้องใช้ระยะเวลาและจำนวนครั้งในการรักษาหลายครั้ง

FRACTORATMเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของกระบวนการ Skin Rejuvenation ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อรองรับกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่และทำให้การจัดเรียงตัวของคอลลาเจนเดิมดียิ่งขึ้น ซึ่งกระบวนการดังกล่าวนี้เองที่ทำให้สามารถแก้ปัญหาผิวหนังที่หย่อนคล้อย ริ้วรอยที่ลึกและตื้นได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงปัญหาแผลเป็นและแผลเป็นหลุมสิว โดยใช้หลักการของ Fractional ซึ่งมีการส่งผ่านพลังงานคลื่นความถี่วิทยุ(RF)ผ่าน Pins ของ FRACTORATM หากใช้ที่ระดับพลังงานต่ำๆ(Low-Fluence)ผลการรักษาจะเหมือนกับการรักษาด้วย Fractional infrared laser หรือ Fractional Er:yag laser หากใช้ที่ระดับพลังงานสูงๆ ผลการรักษาที่ได้จะเหมือนกับการรักษาด้วย Fractional Co2 ร่วมกับการใช้ non-ablative และ non-coagulative dermal heating ซึ่งได้ผลลัพธ์ในแง่ของ ริ้วรอย ความหย่อนคล้อย ความราบเรียบของผิว รอยแผลเป็น จะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการใช้non-ablative และ non-coagulative dermal heating เพียงกระบวนการเดียว Fractora handpiece ได้ถูกออกแบบให้มีส่งผ่านพลังงานคลื่นความถี่วิทยุ Bipolar ผ่าน Pins  ทำให้เกิดการAblation ที่ผิวซึ่งก่อให้เกิดกระบวนการผลัดเซลล์ผิวโดย Coverage area(Treated ares) นั้น <10% เมื่อเทียบกับพื้นที่ที่ทำการรักษา 100 % ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการรักษาเพียงแค่ Fractional ablation  เท่านั้นแต่ยังส่งเสริมกระบวนการ  non-ablative และ non-coagulative dermal matrix heating


ข้อบ่งใช้ในการรักษา

FRACTORATM ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถใช้ได้ในการรักษาผู้ป่วยที่มี Skin type I-V

FRACTORATM ใช้สำหรับการรักษาริ้วรอย แผลเป็น หลุมสิว ความผิดปกติของเม็ดสีชั้นตื้น Superficial spider ,Telangectesias และSkin texture


อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้

ผู้ป่วยต้องทำความเข้าใจถึงความสำคัญของคำแนะนำก่อนและหลังทำการรักษา และความรู้สึกขณะทำการรักษาอย่างละเอียด  เพื่อให้มีความเข้าใจตรงกัน

อาการข้างเคียงที่เกิดขึ้น Erythema (แดงเรื่อๆ)น้อยกว่า 24 ชม. บวม  2-3 วัน  อาจพบจุดแดงปรากฏประมาณ 1-3 วันหลังการรักษา วันที่ 4 หลังการรักษาอาจพบขรุยละเอียดซึ่งจะหลุดลอกไปภายใน 1-3 สัปดาห์

ผลการรักษา

อาการบวมในบางรายอาจคงอยู่ประมาณ 2-3 สัปดาห์ ผลการยกกระชับหลังการจัดเรียงตัวของคอลลลาเจนใหม่จะให้ผลสูงสุดหลังจากการรักษาในสัปดาห์ที่ 6-12

กระบวนการซ่อมแซมผิวใหม่นั้นแตกต่างกันไปในแต่ละราย

อาการเจ็บผิวหรือไม่สุขสบายอาจเกิดขึ้นประมาณ 1-2 ชั่วโมง

อาจพบสะเก็ดละเอียดขนาดเล็กคงอยู่บริเวณผิวที่ทำการรักษาภายหลังการรักษาประมาณ 7-10 วัน

อาการบวมอาจคงค้างอยู่ประมาณ 1-3 สัปดาห์ในกรณีที่ใช้ Tulmescent




ขั้นตอนการดูแลผู้ป่วยหลังทำการรักษา

1. เป่าลมเย็นหรือประคบเย็นเพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกสุขสบาย

2. ทาครีมชุ่มชื้นที่ผิวเพื่อบำรุงผิวบริเวณที่ทำการรักษา

3. ในกรณีที่ใช้พลังงานสูง พบการตอบสนองที่มีอาการบวมแดง อักเสบ อาการไม่พึงประสงค์ แพทย์อาจพิจารณาให้ยากลุ่ม Antibiotics

4. ควรให้ยากลุ่ม Prophylactic antiviral ในผู้ป่วยที่มีประวัติ Herpes Simplex ในกรณีที่ทำการรักษารอบปาก

5. ขรุยละเอียดเล็กๆอาจปรากฏหลังการรักษา 1-3 วันและอาจคงอยู่ประมาณ 7-10วัน ห้ามขัด ถู หรือสครับ บริเวณที่ทำการรักษาโดยเด็ดขาด ควรให้สะเก็ดหลุดลอกเองห้ามแกะโดยเด็ดขาด ให้ทาครีมชุ่มและครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปเคลือบผิวตลอดเวลาหลีกเลี่ยงแสงแดด กางร่ม หมวก ป้องกันแสงแดดหากอยู่ในช่วงที่เข้าคอร์สทำการรักษา

6. หลังทำ 24 ชั่วโมงสามารถแต่งหน้าได้ การเลือกใช้โฟมล้างหน้าให้ใช้เป็นแบบ Mild cleanser  ห้ามใช้กลุ่ม Scrub

7. กรณีที่ใช้ระดับพลังงานที่สูง(High Energy)ในคนไข้ที่มี Skin type IV-V ควรใช้ Bleaching cream ointment ก่อนทำการรักษา ประมาณ 2-4 เดือนและหลังทำการรักษาประมาณ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ และก่อนทำการรักษาประมาณ 48 ชั่วโมงให้งดใช้ยา (เพื่อลดความเสี่ยงจากการเกิด Hyper-pigmentation)

 

ข้อห้ามและข้อควรระวังในการใช้

ผู้ป่วยที่ใส่ Peacemaker หรือ ใส่ Internal defibrillator หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกใดๆในร่างกาย

ผู้ที่ผ่าตัดใส่ Metal plates,Screws หรือ Silicon ในร่างกาย

ผู้ที่ฉีด*

ผู้ป่วยมีเป็นมะเร็งผิวหนังหรือมีประวัติเคยเป็นมะเร็งผิวหนัง  หรือมี Pre-maligmant moles

ผู้ป่วยที่มีภาวะโรคเรื้ออาทิเช่น ภาวะโรคหัวใจ

ผู้ป่วยที่กำลังตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร

ผู้ป่วยที่มีภาวะของโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง อาทิเช่น HIV

ผู้ป่วยที่มีภาวะของโรคที่สามารถกระตุ้นได้ด้วยความร้อนอาทิเช่น Herpes Simplex อาจต้องให้ยากลุ่ม Prophylactic

ผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้ 

ผู้ป่วยที่มีภาวะ Active skin อาทิเช่น แผลกดทับ  สะเก็ดเงิน ผื่น กลาก

ผู้ป่วยที่มีประวัติของ Skin disorder เช่น การเกิด keloid ความผิดปรกติของการซ่อมแซมผิว ผู้ที่มีผิวแห้งมากและผิวบาง

ผู้ป่วยที่การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ หรือหากมีการใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดต้องหยุดใช้ยา 10 วันก่อนการรักษา

ผู้ป่วยที่มีการผ่าตัดบริเวณใบหน้าน้อยกว่า 1 ปี ก่อนทำการรักษา

ผู้ป่วยที่มีการทำ Facial dermabration,Facial resurfacing หรือ Deep chemical peeling น้อยกว่า 3 เดือนก่อนทำการรักษา

ผู้ป่วยที่เคยทำการรักษาด้วย IPL Laser และRF ควรเว้นระยะห่างก่อนทำการรักษาอย่างน้อย 6 สัปดาห์

ผู้ป่วยที่ทานยา Isotretinoin ควรหยุดยาอย่างน้อย 6 เดือนก่อนทำการรักษา

ผู้ป่วยที่ใช้ยากลุ่ม NSAIDS อาทิเช่น ibuprofen  ควรหยุดยาอย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนและหลังทำการรักษา

ห้ามทำการรักษาบริเวณรอยสัก หรือบริเวณที่สักคิ้ว ขอบตา ริมฝีปากถาวร

ห้ามทำการรักษาบริเวณขอบไรผม

ผู้ป่วยที่มี skin type VI และผู้ป่วยที่มีสีผิวแทนจากการอาบแดด ใช้ยาทำสีผิวแทน  และ ใช้ tanning bed ควรเว้นระยะห่างก่อนทำการรักษาประมาณ 2 สัปดาห์


เลเซอร์กำจัดไฝ หูด ติ่งเนื้อ (CO2 Laser)

CO2 Laser กำจัดติ่งเนื้อผิวหนัง เลเซอร์กำจัดไฝ สิวหิน สิวข้าวสาร ขี้แมลงวัน กระเนื้อ ติ่งเนื้อ หูด ต่อมไขมันโต จี้เนื้องอกทุกชนิด ด้วยเลเซอร์ มีความยาวช่วงคลื่น 10,600 nm เป็นเลเซอร์มีความแม่นยำสูงมาก ปลอดภัย เลือกตัดเฉพาะเนื้อเยื่อที่ต้องการ โดยไม่สร้างความเสียหายให้กับเนื้อเยื่อรอบๆ โดยเป็นการทำเลเซอร์ ครั้งเดียว และ มีการนัดตรวจติดตามอีกครั้งที่ 3-4 สัปดาห์หลังการรักษาค่ะ

 

บริเวณที่ทำ CO2 Laser ได้
– ไฝ, หูด, ขี้แมลงวัน
– ติ่งเนื้อ
– กระ, กระเนื้อ
– ต่อมไขมัน
– เนื้องอกต่อมเหงื่อใต้ตา
– สิวอุดตัน, สิวหิน, สิวข้าวสาร

 

รายละเอียดค่ารักษา ขึ้นกับขนาด ตำแหน่ง และ ความลึกค่ะ สามารถแวะมาปรึกษาคุณหมอก่อนได้ค่ะ ประเมินและปรึกษาได้ฟรี ไม่มีค่าปรึกษาค่ะ


ฉายแสง ฆ่าเชื้อสิว ลดรอย ลดบวมช้ำ (Photodynamic Therapy (LLLT))

 

Photodynamic therapy เป็นหลักการของ การฉายแสง LED หรือ แสง Diode ร่วมกับตัวนำแสง เพื่อใช้ในการรักษาที่เฉพาะเจาะจงต่อกลไกการเกิดโรคต่างๆ โดยทาง สีที่แต่งต่างกันของแสง จะมีคุณประโยชน์แตกต่างกันออกไปค่ะ โดยแสงแต่ละคลื่นความถี่ จะมีคุณสมบัติแตกต่างกันออกไปค่ะ

– แสงสีฟ้า ความยาวคลื่น 470 นาโนเมตร ทำให้เกิดกระบวนการ Photo-sensitize ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย P.Acne ต้นเหตุของการเกิดสิว และสิวอักเสบ จึงนำมาใช้เพื่อรักษาและป้องกันการเกิดสิว ลดการเกิดสิวอักเสบ และลดความมันบนใบหน้า

– แสงสีเขียว ความยาวคลื่น 525 นาโนเมตร แสงสีเขียวจะช่วยเร่งกระบวนการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิว รักษารอยแดง รอยเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนัง และหน้าแดงจากอาการแพ้

– แสงสีเหลือง ความยาวคลื่น 590 นาโนเมตร ช่วยรักษารอยดำ ฝ้า กระ เม็ดสีที่เข้มให้จางลง กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลือง

– แสงสีแดง ความยาวคลื่น 640 นาโนเมตร ช่วยลดบวม กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ โดยคุณหมอจะเลือกแนวทางการรักษาให้เหมาะกับสภาพปัญหาผิวของแต่ละบุคคลค่ะ


DIODERM Bright & Bare Program (US FDA)” โปรแกรมกำจัดขน ประสิทธิภาพสูง เจ็บน้อย เห็นผลชัด ด้วย นวัตกรรมใหม่

ทำไม กำจัดขน ด้วยเลเซอร์ จึงดีกว่า การกำจัดขนวิธีอื่น ?
ข้อดี ของ การกำจัดขนด้วยเลเซอร์กำจัดขน
> ใช้เวลาในการดูแลน้อยลง
> ดูแลผิว และ ดูแลความสะอาดได้ง่ายขึ้น ผิวเนียนเรียบ
> ผิวกระจ่างใส เรียบเนียน ไม่มีตุ่มหนังไก่จากการถอน
> ลดอาการระคายเคืองคัน ลดขนคุด

> กำจัดขนได้อย่างหมดจด ขนเกิดใหม่ช้าลง เบาบางลง อาจไม่ขึ้นถาวรหรือขึ้นช้าลง
> ดูแลด้วยเครื่องเลเซอร์ที่ทันสมัย ไม่เจ็บ และ โอกาสระคายเคืองน้อย

มั่นใจ ทุกครั้งที่เข้ารับบริการ  DIODERM Bright&Bare Program
ที่สุภากาญจน์คลินิก
Private – Clean & Safe – Effective
ดูแลคุณด้วยห้องส่วนตัว อุปกรณ์ปลอดเชื้อ และ เห็นผลลัพธ์ชัดเจน
นวัตกรรมทันสมัย เน้นความปลอดภัย เห็นผล
มาตราฐานระดับสากล (TFDA , CE , US-FDA)


หลักการทำงาน ของ เลเซอร์ Dioderm Bright & Bare Program
👉🏼 นวัตกรรมกำจัดขนถาวรที่เจ็บน้อยที่สุด แต่ยังคงประสิทธิภาพด้วยนวัตกรรม Cooling ช่วยปลอบประโลมผิว ทำให้ผิวไม่เบิร์น และไม่แสบ

เลเซอร์นวัตกรรม 3 คลื่นพลังงาน Alexandite-DIODE-YAG
เห็นผลไว ดีกว่า IPL และ ไม่เจ็บเหมือน NdYAG

Dioderm Bright & Bare Program คือ การใช้คลื่นเลเซอร์ความเข้มข้นสูงไปจับกับเม็ดสีหรือเมลานินบริเวณรากขน และเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนในการทำลายรากขนทำให้ขนหลุดล่วงได้ง่ายขึ้น 

👉🏼 เพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดขนลงถึงรากขนด้วยการปล่อยคลื่นความถี่ พร้อมกันทั้ง 3 คลื่นพลังงานหลัก 

✨ Alexandite 755 นาโนเมตร กำจัดเส้นเลือดฝอยที่หล่อเลี้ยงขน

✨ Diode 808 นาโนเมตร เป็นช่วงความยาวคลื่นที่ดูดซับสีเมลานินได้ดี จึงช่วยให้สามารถกำจัดขนได้ดีเนื่องจากเซลล์เป้าหมายในการกำจัดขนคือเมลานินในรากขน 

✨ Yag 1064 นาโนเมตร  ทำลายเม็ดสี มินลานิน (ทำให้ผิวกระจ่างใส)


Dioderm Bright & Bare Program
เลเซอร์นวัตกรรม 3 คลื่นพลังงาน Alexandite-DIODE-YAG
เห็นผลไว ดีกว่า IPL และ ไม่เจ็บเหมือน NdYAG
นวัตกรรมกำจัดขนถาวรที่เจ็บน้อยที่สุด แต่ยังคงประสิทธิภาพด้วยนวัตกรรม Cooling ช่วยปลอบประโลมผิว ทำให้ผิวไม่เบิร์น และไม่แสบ

 

ข้อดี Dioderm Bright & Bare Program 

👉🏼 สามาถส่งพลังงานลงไปได้ในผิวชั้นลึกจนถึงรากขน จึงทำให้กำจัดขนได้ดี 

👉🏼 อ่อนโยนต่อผิว ทำให้เวลาทำการรักษาจึงรู้สึกเจ็บน้อยมาก

👉🏼 ใช้เวลาน้อย เครื่องเลเซอร์นวัตกรรมใหม่ มีโหมดการยิงแบบต่อเนื่อง จึงสามารถทำได้รวดเร็ว 

👉🏼ช่วยทำให้อาการขนคุดดีขึ้น

👉🏼 หลังทำเลเซอร์กำจัดขนจะช่วยทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น และช่วยกระชับรูขุมขน กระจ่างใส

👉🏼 ครอบคลุมการกำจัดขนได้หลากหลายบริเวณ ตามความกังวลของคุณ 

มั่นใจ ทุกครั้งที่เข้ารับบริการ  DIODERM Bright&Bare Program
ที่สุภากาญจน์คลินิก
Private – Clean & Safe – Effective
ดูแลคุณด้วยห้องส่วนตัว อุปกรณ์ปลอดเชื้อ และ เห็นผลลัพธ์ชัดเจน
นวัตกรรมทันสมัย เน้นความปลอดภัย เห็นผล
มาตราฐานระดับสากล (TFDA , CE , US-FDA)


FAQ หลังเลเซอร์

หลังทำ เลเซอร์แบบแบบตกสะเก็ด เช่น กำจัดไฝ กำจัดติ่งเนื้อ หรือ เลเซอร์หลุมสิว ควรดูแลตัวเองอย่างไร

หลังทำเลเซอร์ไป อาจจะมี รอยแดง แห้ง แสบ หรือตกสะเก็ดได้นะคะ
แนะนำว่า ใน 24 ชั่วโมงแรก หลีกเลี่ยงการโดนน้ำ หรือ รีบซับให้แห้ง ทายาตามปกติ
ทายาเคลือบแผลกันน้ำ ฆ่าเชื้อ ที่คลินิกจ่ายให้เช้า-เย็น ช่วยสมานแผล ลดการอักเสบ ลดการเกิดคีลอยด์ สามารถทำความสะอาดผิวหน้าได้ตามปกติ สะเก็ดจะหลุดเอง ประมาณ 4-7วัน **ไม่ควรแกะสะเก็ดเพราะจะทำให้ทิ้งรอย หลังสะเก็ดหลุดผิวจะเป็นเนื้อสีชมพูบางๆ ประมาณ2-3เดือน และค่อยๆดีขึ้น จางลง แนะนำหลีกเลี่ยงแสงแดด  ทาครีมกันแดดSPF30ขึ้นไปเพื่อให้สีผิวสม่ำเสมอ ค่ะ

เลเซอร์ ช่วยเรื่องอะไรบ้าง

ทางเรามีบริการเครื่องเลเซอร์ที่ครอบคลุมหลายปัญหาผิวค่ะ มีทั้ง เครื่องที่แก้ปัญหารอยแดง รอยดำ ฝ้ากระ กระชับรูขุมขน หลุมสิว และ กลุ่มยกกระชับ ค่ะ โดยการรักษา ขึ้นกับชนิดของเครื่องเลเซอร์ที่เลือกใช้ ซึ่งคุณหมอจะพิจารณา ตามปัญหาของ แต่ละเคส ว่าเหมาะกับเครื่องเลเซอร์ประเภทใด เพื่อให้การรักษาที่เห็นผลลัพธ์ที่ดี ตอบโจทย์ความกังวลของคนไข้มากที่สุดค่ะ

เลเซอร์แล้วทำให้หน้าบาง หรือ ไม่

โดยปกติแล้ว เลเซอร์ที่สุภากาญจน์คลินิก เป็นเครื่องเลเซอร์มาตรฐานอเมริกา ซึ่งไ้รับการรับรองสูงสุดระดับนานาชาติ และ มีงานวิจัยรองรับมากมายค่ะ การทำเลเซอร์ ไม่ได้ทำให้หน้าบางลงแน่นอนค่ะ โดยเฉพาะถ้าเป็นเครื่องที่ได้มาตรฐาน และ ดูแลอย่างเหมาะสมโดยแพทย์ผู้ชำนาญการ การทำเลเซอร์จะช่วยรักษาปัญหาผิวและช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นอีกด้วยค่ะ และ เราสามาถ ดูแลผิวได้ตามปกติค่ะ ถึงทำหรือไม่ทำเลเซอร์ ก็ควรทาครีมบำรุงผิวที่เหมาะกับปัญหาผิว และ ทาครีมกันแดด เพื่อป้องกันอนุมูลอิสระและริ้วรอยก่อนวัยด้วยนะคะ

ปกติแล้ว ต้องทำเลเซอร์ กี่ครั้ง ถึงจะเห็นผล

โดยทั่วไป ขึ้นกับสภาพผิว และ ปัญหาผิวของคนไข้แต่ละเคสค่ะ แต่จะเห็นความแตกต่าง สภาพผิวค่อยๆดีขึ้น ตั้งแต่ครั้งแรกค่ะ แต่สำหรับปัญหาผิวที่มีเม็ดสีเข้ม อาจจะใช้จำนวนครั้งมากกว่าในเคสที่มีปัญหาผิวน้อยกว่าค่ะ เช่น การรักษาฝ้า กระ อาจจะเริ่มเห็นว่าจางตั้งแต่ 1-3 ครั้งแรก เป็นต้นค่ะ ทั้งนี้ คุณหมอจะประเมินปัญหาของคนไข้ และให้คำแนะนำตามสภาพปัญหาผิวของคนไข้ก่อนให้การรักษาค่ะ

หลังทำเลเซอร์ ควรดูแลตัวเองอย่างไร ต้องดูแลเป็นพิเศษไหม ?

บางท่านที่ผิวแห้งง่าย อาจผิวอาจแห้งลง หลังเลเซอร์ได้ แนะนำทาครีมบำรุงมาส์กหน้าได้ตามปกติค่ะ อาการแดงเรื่อๆ จะดีขึ้นภายใน 3-12 ชั่วโมง หากแดงมาก สามารถประคบเย็น หรือ ทายาลดรอยแดงได้ค่ะ วันต่อไปสามารถทำงาน แต่งหน้าได้ตามปกติค่ะ


คำแนะนำ หลัง CO2 Laser จี้ไฝ ขี้แมลงวัน กระ ติ่งเนื้อ

หลีกเลี่ยงการโดนน้ำ หรือ รีบซับให้แห้ง ทายาตามปกติ

ทายาเคลือบแผลกันน้ำ ฆ่าเชื้อ ที่คลินิกจ่ายให้ เช้า-เย็น ช่วยสมานแผล ลดการอักเสบ

สามารถทำความสะอาดผิวหน้าได้ตามปกติ

สะเก็ดจะหลุดเอง ประมาณ 4-7วัน **ไม่ควรแกะสะเก็ดเพราะจะทำให้ทิ้งรอย

หลังสะเก็ดหลุดจะเป็นเนื้อสีชมพูบางๆประมาณ2-3เดือน

แนะนำหลีกเลี่ยงแสงแดด ทาครีมกันแดดSPF30ขึ้นไป


คำแนะนำ หลังทำ LASER (Q-Switch / LUMECCA)

สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ อาการแดงเรื่อๆ จะดีขึ้นภายใน 3-12 ชั่วโมง หากแดงมาก สามารถประคบเย็น หรือ ทายาลดรอยแดงได้ค่ะ

เม็ดสีอาจะดูเข้มขึ้นหลังเลเซอร์ เนื่องจากมีการรับพลังงาน และมีการทำลายเม็ดสี จะเห็นว่าเม็ดสีจางลงใน 5-7 วัน  ไม่ต้องกังวลนะคะ

บางท่านที่ผิวแห้ง อาจผิวอาจแห้งลง หลังเลเซอร์ได้ แนะนำทาครีมบำรุง มาส์กหน้าได้ตามปกติค่ะ

ดูแลผิวตามปกติ หลีกเลี่ยงแสงแดดตามปกติ ทาครีมกันแดดSPF30ขึ้นไป


Gallery

Copyright © SUPA-KUNN CLINIC. All rights reserved. Unauthorized use and/or duplication of this material without express and written permission from this site’s author and/or owner is strictly prohibited. Excerpts and links may be used, provided that full and clear credit is given to SUPA-KUNN CLINIC with appropriate and specific direction to the original content.