สิ่งที่หมอได้เรียนรู้ จากอาจารย์ใหญ่ ถ่ายทอดเป็นประโยชน์สู่คนไข้ทุกคน
เมื่อวันที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมา หมอได้มีโอกาสมาเทรนนิ่ง Anatomical Cadaver Advance Facial Aesthetic Training ที่ศูนย์ฝึกผ่าตัด รพ.จุฬาลงกรณ์ มาค่ะ
หลายๆท่านคงทราบกันว่า อาจารย์ใหญ่ ในบริบทที่หมอกำลังกล่าวถึงนั้น
ไม่ได้หมายถึง คุณครูในโรงเรียน
แต่ ทางวิชาชีพแพทย์ อาจารย์ใหญ่คือผู้อุทิศร่างกาย ต่อยอดอนาคตให้นักศึกษาแพทย์ และแพทย์ได้ศึกษาเรียนรู้ เพื่อการเรียนการสอนมากมายหลายด้าน เป็นแหล่งศึกษาเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์อยู่เสมอ ค่ะ
อยากจะมาแชร์ ประสบการณ์ ที่หลายคนสงสัย ว่า การเรียนฉีดจากอาจารย์ใหญ่ แตกต่างจากการฝึกฉีดกับคนไข้ปกติอย่างไรบ้าง ?
ขอเกริ่นก่อนเลยค่ะว่า การได้เรียนกับอาจารย์ใหญ่ เป็นโอกาสที่หาได้ยากมากๆเลยค่ะ
เพราะ โดยทั่วไปการจัดเทรนนิ่งในไทย จะต้องจัดในโรงเรียนแพทย์เท่านั้น และ โดยทั่วไปในปัจจุบัน จะมีการจัดน้อยครั้งในแต่ละปี มีไม่ค่อยบ่อย หรือ ค่าเรียนก็ค่อนข้างมีค่าใช้จ่ายสูงมากๆ ทำให้โอกาสในการได้ลงเรียนในปีนึงๆ จะมีแค่ไม่กี่คลาสเท่านั้น
ตัวหมอเอง ตั้งแต่ได้เข้าสู่วงการ ตั้งแต่ตอนที่ได้เรียน ปริญญาโทด้านผิวหนัง
อาจารย์มักจะสอนเสมอว่า ถ้ามีโอกาสได้ลงเรียนกับอาจารย์ใหญ่
ให้ลงเรียนไปเลย จะหลายหมื่น หลายแสนก็ไม่เสียดาย เพราะ ความรู้ที่ได้มันประเมินค่าไม่ได้
หมอเองก็เชื่อแบบนั้น เพราะ การได้เรียนกับอาจารย์ใหญ่แต่ละครั้ง ก็ได้รับอะไรมากมายกลับมานับไม่ถ้วนจริงๆ และ ไม่สามารถเทียบการอ่านจากตำรา Textbook เล่มไหนๆ
วันนี้หมอจะมา สรุปสิ่งที่หมอได้เรียนรู้ จากที่อาจารย์ใหญ่ ได้สอนหมอมาตลอด เพื่อแชร์ว่า อาจารย์ใหญ่ทุกท่านที่อุทิศตน มีผลต่อการดูแลคนไข้ที่รักของหมออย่างไรบ้าง
เวลาที่เราได้เทรนนิ่ง กับอาจารย์ใหญ่ มีคุณูปการอันยิ่งใหญ่หลายประการ หมอขอยกประเด็นหลักๆ มาสรุป ดังนี้ค่ะ
1. Precise Understanding of Anatomy
ได้เรียนรู้ โครงสร้างกายวิภาค (Anatomy) เพื่อความแม่นยำในการรักษา
ในเรื่องของตำแหน่ง โครงสร้างกล้ามเนื้อ ไขมัน เส้นเลือด เส้นประสาท กระดูก
โครงสร้างของคนไข้แต่ละเคส ก็มีความแตกต่างกัน เราเรียกว่า Anatomical Variability
อย่าว่าแต่ โครงหน้าของคนละคนเลยค่ะ… แค่หน้าซ้ายและขวา ของเรา ตำแหน่งของกล้ามเนื้อ เส้นประสาท และ เส้นเลือดก็แตกต่างกันได้อีกด้วย
2. Hands-on Experience
ยังได้มีโอกาส ฉีด และ ผ่าเพื่อดูตำแหน่งที่เราทำการรักษาว่า ถูกต้อง แม่นยำไหม
ฉีดถูกจุดใช่ไหม…
นี่คือข้อแตกต่าง เรื่องของ เทคนิคการฉีด ไม่ใช่แค่ ดูคนอื่นฉีดแล้วฉีดได้เลย…
ไม่ใช่แค่ เปิดตำรา แล้วกากบาทจุดฉีดตามตำราได้เลย
นั่นจึงทำให้ ทำไม หมอแต่ละคนฉีดแล้วผลลัพธ์ออกมาไม่เหมือนกัน…
รวมไปถึง ความแม่นยำในการรักษา มีผลต่อ ความปลอดภัยและผลลัพธ์ให้ดีที่สุดอีกด้วยค่ะ
3. Realistic Simulation
ก่อนดูแลคนไข้ของหมอ ไม่ว่าตัวยา หรือ เทคนิคการฉีด หมอจะฝึกจนเชี่ยวชาญก่อนเสมอ
ไม่มีคนไข้คนไหน เป็นหนูทดลอง เพราะ ก่อนทำการรักษาหมอได้ผ่านการทดสอบกับตัวเองและคนใกล้ชิด ติดตามผลจนมั่นใจในตัวยา และ เทคนิคการดูแลรักษาแล้วว่าเห็นผลดี
4. Improved Patient Safety
เพราะในชีวิตจริง เราคงผ่าคนไข้ของเราดูไม่ได้
แต่ ความรู้จากอาจารย์ใหญ่ จะทำให้เรา สามารถวางแผนการรักษา และ ทำการรักษาได้อย่างแม่นยำเหมาะสม นั่นเองค่ะ
5. Continued Education
เทคนิคใหม่ๆ งานวิจัยอัพเดทตลอดเวลา…
การได้เรียนกับอาจารย์ใหญ่ จึงเป็นการการเรียนรู้ที่ไม่มีที่สิ้นสุด เรียนรู้ ต่อเนื่อง
เพื่อ ต่อยอดในการดูแลคนไข้ของหมอ รวมถึง เพื่อความปลอดภัย ในการดูแลคนไข้ของหมอ ให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และ เหมาะกับแต่ละเคสที่สุดนั่นเอง
6. Interdisciplinary Collaboration
ได้มีโอกาสพบปะ แลกเปลี่ยนกับอาจารย์หมอ รวมถึง เพื่อนร่วมวิชาชีพ ในการแชร์เทคนิค ความรู้ในการดูแลรักษาคนไข้ มุมมองในการดูแลรักษาที่หลากหลาย เพื่อนำมาปรับใช้กับคนไข้แต่ละเคสได้อย่างเหมาะสม ตรงจุด ตอบโจทย์กับคนไข้แต่ละคนอย่างละเอียดที่สุด
นี่เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับ ในการดูแลคนไข้ของหมอ
นอกจากจะอัพเดทความรู้ ตัวยา นวัตกรรมใหม่ๆ รวมถึงทดลองเอง ก่อนแนะนำคนไข้ เสมอ แล้ว….
หมอยังไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเอง และ หมั่นทบทวนความรู้
เทคนิคใหม่ๆ เพื่อดูแลคนไข้อย่างดีที่สุด เพื่อให้คุณ พกความสวยกลับบ้าน อย่างมั่นใจและปลอดภัยค่ะ